Popular Posts

Tuesday, December 06, 2005

ประสบการณ์เฉียดตายที่ความลึก ๒๖ เมตรคนเดียว (ภาค ๑)

วันนี้พอดีว่างงานเลยปั่นเสือตะลุยเขาหลักตั้งแต่เช้า.....แหมมันช่างแสบง่ามตูดเสียจริงนี่ก็เพิ่งจะได้พัก ก็ขอเล่าเรื่องที่ค้างไว้ก็แล้วกัน

อ้างถึงที่โพสท์ไปเมื่อชาติเศษ ว่าถ้ามีเวลาจะเขียนเรื่อง ประสบการณ์ เฉียดตายที่ความลึก 26เมตรคนเดียว และประสบการณ์เฉียดตายอีกครั้งกับการแก้ปัญหาอย่างเข้าใจ

หลังจากทริปนรก รัสเซียผ่านไป สองวันหลังจากนั้นข้าพเจ้าได้ออกเรืออีกครั้ง
แต่คราวนี้ไปกับนักดำน้ำชาวมาเลเชียซึ่งต่างกับนักดำน้ำกลุ่มที่แล้วชนิด หน้ามือเป็นหลังตีนอะไรๆดูเหมือนจะดี แต่ก็มีเรื่องเสียวๆเกิดขึ้นอีกจนได้

วันนั้นข้าพเจ้าพาลูกค้า 4 คน ไปลงดำน้ำที่ Shark Fin Reef ซึ่งจัดว่าลึกพอสมควร
และมีน้ำเชี่ยวพวกเราดำอยู่ที่ความลึก 24 เมตร แล้วอีกสักพักจึงค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาสู่ผิวน้ำพอลงน้ำไปสักพักก็เจอปลาตัวหนึ่ง ไม่ใหญ่มาก แค่เล็กกว่าวัวนมนี้ด เดียว........

ชื่อไทยไม่รู้แต่รู้เพียงว่ามันมีนามกร กระเดียดไปทางฝรั่งเศษว่า Napoleon Fish (Bumphead Parrot Fish, หรือ แปลมั่วๆเอาเองว่า ปลานกแล้วหัวโหนก) อย่าว่าแต่ลูกค้าเลย ข้าน้อยเห็นแล้วก็แทบกรี๊ดสลบดำ

ไปสักพักน้ำแม่งก็เชี่ยวขึ้นเรื่อยๆ จะไปข้างหน้าแม่งก็ว่ายไม่ไหว เลยตัดสนใจว่ายอ้อมหิน ....หินนะไม่ใช่... ....เอ้า แล้วก็ว่ายอ้อมไปทีละคนๆ ยังไม่ทันจะครบ ก็มี Leopard Shark โผล่ขึ้นมาใกล้ ......ฉลามโผล่แต่คนไม่โผล่ รอไปสักพักทำไมลูกค้ากูมันว่ายอ้อมมาไม่ครบซักทีวะ...........เอมันชักรู้สึกแปลกๆ

ข้าพจึงบอกให้นักดำน้ำรอก่อนแล้วจึง ว่ายอ้อมไปหาคนที่ยังว่ายมาไม่ถึงเมื่อว่ายไปถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าพบ มีเพียงความว่างเปล่า.....อ้าวฉิบหายแล้วสิกู

ลูกค้ามีประกันชีวิตเปล่าวะ ประกันความเสี่ยงกูก็ไม่ได้ทำแล้วถ้าลูกค้าตายห่าไปใครจะจ่ายวะข้าพเจ้ามองขึ้นไปข้างบน เผื่อว่าลูกค้าอากาศใกล้หมดจึงลอยขึ้นไป.....แต่ก็ไม่เจอ (อากาศในถังเมื่อถูกใช้ไปเกือบหมด จะทำให้ความหนาแน่นของอากาศในถัง และน้ำหนักของถึงจะลดลง คล้ายๆกับลูกบอลยิ่งสูบลมมากก็ยิ่งหนัก และเมื่อไม่มีลมก็จะเบา)

ในวินาทีนั้นข้าพเจ้ายังพยายามมองโลกในแง่ดีว่า เขาอาจจะเจออะเจ๋งๆที่น้ำลึกก็ได้ ข้าพเจ้วจึงพยายามมองไปดูข้างล่างแต่ก็ไม่เจอ (อีกแล้ว)

อ้าวฉิบหายแล้วสิกูแล้วแบบนี้จะทำเหี้ยอะไรดี.....งิด..............................................................................................
เพื่อน โดนฉลามงาบไปยังวะหรือ โดนปลาวาฬกลืนเข้าไปแบบพินอดคิโอ
หรือ โดนไอ้ Napoleon ตัวมะกี้งาบไปแดกหรือ โดนนางเงือกลากไปฟัน

?????????????????????????
?????????????????????????
?????????????????????????

พันล้านคำถามผุดขึ้นมาในสมอง
แต่คนที่จะต้องตอบแม่งมีอยู่ตัวเดียว

คนเดียว

กะอีกหนึ่งองค์ (อันยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยน้ำกรุณาธิคุณที่พร้อมจะแจกให้ได้ทุกเมื่อ)

โว้ย แล้วกูจะไปถามใคร ....ข้าพเจ้าตั้งสติ ว่ายกลับไปที่นักดำน้ำที่เหลือ
แล้วบอกพวกเขาให้คอย ไม่ว่าจะนานแค่ไหนพี่ก็จะมาขอ....
อ้าวนี่ก็ไม่ใช่และจากนั้นจึงขึ้นสู่ผิวน้าไปดูให้แน่ใจว่า ศพได้ขึ้นอืดมาแล้ว........

ปรากฏว่าข้าพเจ้าเดาไม่ผิดร่างของนักดำน้ำผู้นั้นได้ถูกเรือเก็บไปแล้ว.....แต่ถูกเก็บไปในสภาพปรกติ ครบ 32 ประการ
และสัณนิฐานว่า อวัยวะชิ้นสำคัญยังคงใช้งานได้ตามปรกติ
แม้ว่าอาจจะยังคงไม่สามารถปฏิบัติงานเป็นระยะเวลานานเท่าใดนักในยุทธจักรบู้ลิ้ม
หามีสิ่งใดเร็วกว่าการปล่อย (มีดสั้น ซึ่งก็น่าจะสั้นจริง) ของปรมาจารย์ ลี้คิมฮวง

แต่ความเร็วนั้นหาได้เทียบกับอาเฮียคนนี้ได้ไม่

ช่วงเวลาหนึ่งอึดแมลงหวี่ อาเฮียสามารถ ขึ้นจากความลึก 24 เมตร สู้ผิวน้ำแล้วก็ขึ้นไปบนเรือ.......
ทำได้ไงวะ

ที่อื่นอาจจะเป็นเรื่องแปลก แต่ไม่ใช่ที่สิมิลันเพราะที่นั่น ทันทีที่นักดำน้ำขึ้นสู่ผิวน้ำ
เรือจะวิ่งมาพร้อมกับหันตูดไปจ่อหน้าลูกค้าทันที......ไม่ต้องว่ายกลับเรือเลยสักนิด
ซึ่งจัดว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ำเป็นอย่างมาก

แต่ถ้ามองในทางกลับกันถ้าเรือใหญ่ๆวิ่งเข้าหานักดำน้ำในระยะใกล้ขนาดนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นคนสับกลางทะเลได้
ไม่ได้สับด้วยมีด

แต่สับด้วยใบจักรกำลังไม่ต่ำกว่า 1000 ม้า

นี่คือเหตุผลว่าทำไมเรือ ดำน้ำระดับแพงๆ เช่น Anggun, Mermaid II, DiveMaster I จึงต้องลากเรือยางมาด้วยหลายลำ
เพราะเรือไม่สามารถวิ่งเข้าหาลูกค้า ในระยะใกล้ขนาดนั้นได้

(ควย พูดแล้วแม่งเสียดาย เมื่อต้นเดือนเรือ อังกูร โทรมาชวนไปทำ แต่พอดีเสือกรับงานทางนี้เอาไว้แล้ว แล้วเมื่อวานก็เสือกไปเจอเรือแม่งอีก ตอนกำลังวิ่งไปพม่า.........แม่งเอ้ย)

กลับมาเรื่องของเราต่อพอเห็นเฮียแกขึ้นเรือไปแล้ว จอมยุทธขวัญ(นามสมมุตร) ก็ต้องลงไปนำทัวร์กับนักดำน้ำที่เหลือต่อ........

ดูเหมือนอะไรจะลงตัวแต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด สายน่ำที่เชี่ยวอยู่แล้ว เริ่มเชี่ยวมากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้น จนข้าพเจ้ารู้สึกว่ายิ่งว่ายก็ยิ่งถอย

ข้าพเจ้ายังคงว่ายต่อไปจนถึงความลึก 26 เมตร แต่ก็ยังหานักอาหมวย อาเฮียที่เหลือ ไม่เจอ .....แม่งเอาอีกแล้วกูสักพัก..........

ข่าพเจ้ารู้สึกเริ่มเหนื่อย แต่การหายใจเริ่มถี่ขึ้น
ข้าพเข้าจึงควบคุมมันให้ช้าลง ในขณะที่กำลังว่ายสู้กับกระแสน้ำอยู่ จนกระทั่งข้างเจ้ารู้สึกมึนๆ คิดอะไรไม่ค่อยออก.....................
และแล้วก็รู้สึกปวดกบาลมาก มากถึงมากที่สุด เหมือนถูกค้อนทุบหัว

มึนมากจนแทบหมดสติ

ความคิดที่จะว่ายไปหาลูกค้าไม่อยู่ในหัวข้าพเจ้าอีกต่อไปถ้าข้าพเจ้าหลับไปตอนนั้น เวลาข้าพเจ้าจะตื่นขึ้นมาก็คือตอนที่อากาศหมด
เชื่อว่าคงจะต้องสะดุ้งขึ้นมา แต่การขึ้นโดยที่ไม่มีอากาศจากความลึกขนาดนั้น แล้วกลับมามีอาการครบ 32 ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
คิดอยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่หลับ แล้วกลับสู่ผิวน้ำโดยไม่ตาย

ต่อภาค ๒

No comments: