Popular Posts

Saturday, February 18, 2012

กว่าจะเป็นรถคันแรก – เรื่องยาวที่ยังไม่จบ ทุติยภาค

ตัวเลือกที่แคบลง

เช้าวันหนึ่งอาเดินออกไปขายยางแต่เช้าแล้วสักพักก็เดินจ้ำกลับมาบ้านพร้อมขับรถ 4x4 ที่ล้อแม็กยี่สิบนิ้วยังเรียกพ่อ "เอาไปลากรถรถซื้อยางเดี๋ยว พวกนี้ขนยางเป็นตันเลยไม่กล้าวิ่งทับร่องถนน สงสัยกลัวติดใต้ท้องรถ พอวิ่งบนเลนมันก็ไปไม่รอด" เสียงอาตะโกนมา


ผมจำไม่ได้ว่าอาทิตย์นั้นอาขับรถ Kubota กี่ครั้งเพื่อไปลากรถกระบะที่มาเกยตื้นในสวน แต่จำได้ว่าอาทิตย์นั้นเองที่ผมได้ข้อสรุปว่าต้องการรถตอนครึ่งยกสูงขับสี่ ด้วยเหตุนี้รถหลายรุ่นจากหลายค่ายจึงตกสเป็คไปเพราะขาดคุณสมบัติที่ต้องการ อาทิ Mitsubishi Triton (ไม่ผลิตรถตอนครึ่งที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ), Kia และ TATA เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่แต่ละคันก็มีจุดเด่นในแบบฉบับของตน

เรื่องในกรอบ ๒ – คุณภาพคืออะไร

ทุกคนล้วนต้องการสินค้าที่มีคุณภาพในขณะที่แต่ละคนกลับให้ความหมายของคำนี้แตกต่างกัน ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะในแวดวงอุตสาหกรรมพวกเขาได้พยายามศึกษาคำว่า "คุณภาพ" กันมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วจนพอจะสรุปอย่างเรียบง่ายว่า "คุณภาพคือการตอบสนองต่อสิ่งที่ลูกค้าต้องการ" เช่นบอกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบินอาคารผู้โดยสารขาออก แต่ถ้าแท็กซี่กลับไปส่งที่อาคารผู้โดยสารขาเข้านี่ย่อมไม่ใช่การบริการที่มีคุณภาพ หรือนาย ก ติดต่อเช่ารถตู้เพื่อพาครอบครัวไปเที่ยวแต่บริษัทรถเช่ากลับนำรถสปอร์ตมาให้ ในกรณีนี้รถสปอร์ตย่อมไม่ใช่สินค้าที่มีคุณภาพแม้ว่ามันจะมีสมรรถนะหรือราคาสูงเพียงไรก็ตาม


ดังนั้นไม่ว่ารถจะมีกำลังเท่าไร หรูหราแค่ไหน ราคาขายต่อเป็นอย่างไร แต่หากว่ามันไม่มีคุณสมบัติที่เราต้องการแล้วก็ถือว่ามันไม่ใช่รถที่มี "คุณภาพ"


รถคันแรก

ผมกลับมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติมที่กรุงเทพอีกครั้ง พ่อออกปากจะถอยกระบะมือสองให้เมื่อรู้ว่าผมต้องการจะซื้อรถใหม่ ผมดีใจที่พ่ออยากจะช่วยแต่พ่อคงไม่เข้าใจว่าผมเอือมกับการใช้ของมือสองมากเพียงไร การเกิดมาเป็นน้องที่อายุไล่เลี่ยกับพี่ชายทำให้ผมใช้ของมือสองมาเกือบจะตลอดชีวิต นี่ผมก็แก่ปูนนี้แล้วยังหนีมันไม่พ้นอีกหรือ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อไม่เข็ดกับรถมือสองของตัวเองที่อยู่ในสภาพขับไปซ่อมไปเลยหรือยังไง แม้ว่ามันจะมีดาวสามแฉกติดอยู่บนฝากระโปรงก็ตามแต่ถ้ามันอยู่ในสภาพแบบนี้แล้วมันดีกว่ารถญี่ปุ่นตรงไหน

Ford คือเป้าหมายถัดไปของผม เว็บไซต์ Ford.co.th บอกที่ตั้งศูนย์บริการได้ดีมากจนผมไม่รู้ว่าศูนย์สาขาสิรินธรอยู่ตรงไหนจึงแวะไปดูที่พุทธมณฑลแทน T T พนักงานขายหญิงเข้ามาต้อนรับและให้ข้อมูลเป็นอย่างดี เธอบอกผมว่า Ford กำลังจะออกกระบะรุ่นใหม่โดยวันนี้ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน "รถคันแรก" [ที่รัฐบาลจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศและเพื่อสร้างนิสัยฟุ้งเฟ้อให้กับประชนที่ยังไม่มีรถในชื่อของตนเอง] ซึ่งผู้บริโภคสามารถขอภาษีสรรพสามิตคืนได้หลังจากที่ซื้อรถไปแล้วหนึ่งปี ถึงจะมองว่านโยบายแบบนี้ทำให้คนฟุ้งเฟ้อแต่สำหรับคนที่จำเป็นจะต้องซื้อรถแล้วก็ถือว่าได้รับอานิสงส์ไม่น้อย (และผมก็จะได้มีข้ออ้างไปบอกพ่อว่าอย่าซื้อรถมือสองให้ผมเลย...)

นอกจากนั้นนี่คือโอกาสที่ดีมากสำหรับคนที่ต้องการจะซื้อรถเคยใหม่ในราคาถูกเพราะทันทีค่ายรถกำลังเปิดตัวรถรุ่นใหม่รถรุ่นที่กำลังจำหน่ายอยู่ก็จะกลายเป็นรถรุ่นเก่าไปทันที แน่นอนว่าราคามันจะตกลงพร้อมกันทั่วประเทศโดยมิได้นัดหมายซึ่งก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งยังสามารถขอภาษีคืนได้เช่นกัน ผมเกือบจะใจอ่อนถอย Ford คันที่จอดอยู่ในศูนย์แต่เมื่อผมได้รับแผ่นพับ New Ranger (T6) จากพนักงานขาย....

"เฮ้ย Ford Ranger ตัวใหม่ แม่งโคตรสวยเลย ข้างในก็หรูอย่างกับ SUV" ผมร้องด้วยสายตาอย่างไม่เก็บอาการ

แผ่นพับเป็นรูปรถรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด ๒.๒ ลิตร ที่มาพร้อมกับพละกำลัง ๑๕๐ แรงม้าซึ่งปั่นมาด้วยเทอร์โบแปรผัน เครื่องยนต์ที่เล็กกว่ายังช่วยประหยัดค่าภาษีขนส่งได้อีก ระบบขับเคลื่อนมี ๖ สปีด บนกระบะมี Roll Bar สแตนเลสที่ลาดออกมาด้านหลังค่อนข้างมากโดยมีคานขวางด้านบนเพียงอันเดียวช่วยให้ดูโปร่ง Ford ใจดีให้ล้อแม็ก ๑๗ นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐานซึ่งต่างจากค่ายอื่นที่มักจะเป็นขนาด ๑๖ นิ้ว บันไดข้างสแตนเลสรูปทรงทันสมัยเรียบหรูไม่เกะกะ การออกแบบใหม่เปลี่ยนรูปแบบของหน้ารถที่ดูแบน ๆ ยาว ๆ ให้สั้นลงและเชิดขึ้นช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรทุกอีกทั้งยังทำให้รถดูดีขึ้นด้วย หากพิจารณาดี ๆ ลักษณะภายของโดยเฉพาะด้านข้างของ New Ranger นั้นดูละม้ายคล้ายคลึงกับ Toyota Hilux Vigo มากกว่า Ranger ตัวเก่าเสียอีก ใครว่ามีแต่ญี่ปุ่นที่ Copy and Develop เป็น แต่อย่างไรก็ตามก็คงมีน้อยคนนักที่จะปฏิเสธว่า New Ranger ดูดีที่สุดในตอนนี้

ห้องโดยสารภายในเป็นแบบทูโทนเทาเงินสลับดำ กระจกข้างพับไฟฟ้า ระบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ระบบการสั่งงานด้วยเสียง และที่น่าสนใจที่สุดคือระบบทำความเย็นเป็นแบบ Digital ซึ่งสามารถปรับอุณหภูมิห้องโดยสารซีกซ้ายและขวาได้อย่างเป็นอิสระต่อกัน....นี่มันอะไรกัน....... นอกจากนั้น New Ranger ยังมากับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP), Adaptive Load Control, ระบบควบคุมการส่ายจากการลาก (Trailer Sway Control) และที่เจ๋งไม่น้อยไปกว่านั้นคือที่ปกหลังให้ข้อมูลว่าระบบเฟืองท้ายมีให้เลือกแบบ Limited Slip Rear Differential (LSD) และ Locking Rear Differential (LRD) อีกทั้งในเว็บยังบอกด้วยว่ารถมาพร้อมกับระบบ Hill Launch Assist ถ้าแปลเป็นภาษาคนก็คือระบบกันรถไหลเมื่อออกตัวจากทางชัน ระบบ Hill Descent Control ซึ่งช่วยควบคุมความเร็วเมื่อลงจากทางชัน....นี่มันบ้าไปแล้ว.....ไม่มีค่ายไหนทำแบบนี้ได้แน่ ๆ

พนักงานขายบอกว่า Ford ปล่อยออกมาก่อนสามรุ่นเพื่อเรียกน้ำย่อย จริง ๆ แล้วเตรียมตัวไม่ทันงานรถคันแรกเลยมีปัญญาทำได้แค่นี้ ถ้าอยากจะเห็นตัวจริงสามารถไปดูได้ที่ไบเทคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เมื่อออกจากศูนย์ผมรีบบึ่งกลับบ้านเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถรุ่นนี้จากในเว็บ รูปรถในเว็บสวยมากและสามารถดูได้แบบ ๓๖๐ องศาทั้งรุ่นสี่ประตูและโอเพ่นแคบ Ford บอกว่าการออกแบบภายในที่ดูทันสมัย บึกบึน และสะดวกต่อการใช้งานนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกา Casio รุ่น G-shock (ค่ายนี้มาแปลกใช้ชื่อเสียงของนาฬิกามาโปรโมทสินค้าแทนที่จะใช้พวกดารา ศิลปิน ไม่แน่ว่าต่อไปอาจมีคนใช้น้ำหอมมาเป็น Presenter โดยอ้างว่ารถรุ่นนี้ออกแบบตามแรงบันดาลใจจากกลิ่นของน้ำหอมก็เป็นได้) อย่างไรก็ตามสำหรับแฟน G-shock พันธุ์แท้อย่างผมแล้ว... "New Ranger คือรถที่ออกแบบมาสำหรับผม (และนาฬิกาอันเป็นอาภรประจำกาย)" สโลแกนที่ว่า "การรอคอยของคนทั้งโลกสิ้นสุดลง" นั้นสงสัยจะจริง ผมจะไม่คิดอะไรให้มากมายอีกแล้ว พรุ่งนี้ผมจะไปไบเทค เพื่อเก็บข้อมูลรถมาพิจารณาเป็นครั้งสุดท้ายถ้าพอใจก็จะถอย Ford Ranger จากในงาน

One Ford?

One Ford คือนโยบายเชิงคุณภาพของรถค่ายนี้ว่ารถทุกคันจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก จะจริงหรือไม่อีกไม่กี่ก้าวผมก็จะได้พบกับมันแล้ว...The New Ranger

เมื่อเข้าไปในงานผมเดินตรงดิ่งไปยังรถฟอร์ดที่นำมาตั้งประดับงาน มันเป็นรถกระบะสี่ประตูสีขาว ผูกโบว์แดงอันสุดอุบาทว์ตามแนวคิดของงาน เห็นได้ชัดเจนว่าใหญ่กว่ารถรุ่นเก่าพอสมควร บันไดข้างของจริงดูดีมาก ๆ แต่แปลกใจว่า Roll Bar หายไปไหน ผมพยายามมองเข้าไปในตัวรถที่ล็อคอยู่แต่ทำได้ไม่ถนัดนักจึงต้องไปดูอีกคันที่ซุ้มของ Ford

รถ Ford Ranger สี่ประตูสีฟ้าจอดเด่นเป็นสง่า สี Aurora Blue สวยกว่าสีฟ้าของรุ่นเก่ามาก แต่รถคันนี้ยังคงไม่มี Roll Bar เช่นคันก่อน อีกทั้งยังแปลกใจด้วยว่าทำไม Ford ถึงเอารถมาแสดงที่ซุ้มคันเดียวทั้ง ๆ ที่เปิดให้จองแล้วสามรุ่น เมื่อก้าวเข้าไปในรถทัศนคติของผมที่มีต่อ Ford ก็เริ่มเปลี่ยนไป...

สิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นกลับกลายเป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า การตกแต่งแบบทูโทนที่บริเวณ Console แผงประตู และเครื่องปรับอากาศแบบ Digital ปรับอุณหภูมิแยกซ้ายขวา ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยเป็นเพียงสิ่งที่เห็นในแผ่นพับ ผมเดินไปขอข้อมูลจากพนักงานขายแต่ก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่ากระดาษหนึ่งแผ่นที่ให้ข้อมูลแบบหยาบ ๆ ของรถฟอร์ดสามรุ่นพร้อมราคาขาย เสป็คบางอย่างที่เป็นจุดเด่นของรถกระบะ Ford เช่น ถุงลมนิรภัยแบบม่านกลับถูกตัดออกไปราวกับว่าขับรถ Ford แล้วจะไม่มีวันถูกชน เฟืองท้าย Limited Slip และ Differential Lock ที่โม้ว่าเลือกได้สองระบบกลับไม่มีแม้แต่ในรุ่น XLT ส่วนในรุ่น Wild Track ก็มีเพียงแค่ Limited Slip เท่านั้น ซึ่งมันอนาถมากเพราะรถกระบะอย่าง TATA ก็ยังมีคุณสมบัติอันหลังนี้ ถ้าคุณคาดหวังจะได้ Spec แบบคม ๆ เช่น ขนาดกระบะ น้ำหนักบรรทุก รัศมีเลี้ยวแคบสุด อัตราทด ความจุถังน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองงานนี้ก็คงจะมาเสียเที่ยว

One Ford คงจะหมายถึงประเทศไทยเพียงประเทศเดียวที่ได้รถกระจอกกว่าเพื่อน แม้เสป็ครถ Ford Ranger ของประเทศไทยจะด้อยกว่าต่างประเทศมาก ๆ แต่ด้วยเหตุที่รถทำมาจากโครงสร้างพื้นฐานเดียวกันผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลเฉพาะทางเทคนิค เช่น ระบบกำลังส่ง มิติกระบะ น้ำหนักบรรทุก-ลากสูงสุด อัตราสิ้นเปลือง มุมประทะ มุมคร่อม มุมจาก ฯลฯ ต้องไปหาดูจากได้จากเว็บไซต์ Ford ในต่างประเทศ การปิดบังข้อมูลในลักษณะนี้ก็เป็นอีกกลยุทธ์ไม่ให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบสินค้ากับผู้ผลิตรายอื่นได้อย่างสะดวก Ford ประเทศไทยตีปี๊บดังลั่นว่า New Ranger 2.2 XLT Double Cab สามารถวิ่งได้ถึง ๑๙ กม ด้วยน้ำมันเพียง ๑ ลิตร (ด้วยความเร็วเฉลี่ย ๗๐ กม/ชม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่คนปรกติไม่ทำ) ในขณะที่ทาง Ford ออสเตรเลียระบุว่าอัตราสิ้นเปลืองของรุ่นเดียวกันที่ ๘.๑ ลิตร/๑๐๐ กม ซึ่งก็คือ ๑๒.๓๔ กม ต่อน้ำมัน ๑ ลิตร...แล้วคุณจะเชื่อใคร

จุดเด่นของ New Ranger ใช่ว่าจะไม่มีเลย เปลือก การออกแบบภายนอกดูดีมาก ๆ กระจกข้างพับไฟฟ้า เส้นขอบกระบะและขอบหน้าต่างต่อเนื่องเป็นแนวเดียวกันช่วยสร้างเอกภาพของตัวรถได้เป็นอย่างดี ฝาปิดกระบะท้ายให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งมาก ยกมือเดียวแทบไม่ขึ้น ถ้าให้ผู้ใช้ Isuzu หรือ Mitsubishi มายกก็คงจะให้ความเห็นเหมือนกับผม แน่นอนว่าส่วนหนึ่งของน้ำหนักมาจากมิติความสูงของกระบะที่มากขึ้นแต่ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ามันมาจากความแน่นหนาของตัวรถ นอกจากนั้นความรู้สึกแน่น ๆ แบบนี้ยังรู้สึกได้เมื่อปิดประตูด้วยเช่นกัน เสียอย่างเดียวที่ร่องจับประตูด้านในทำใกล้จุดพับ (Pivot) มากจึงต้องเอื้อมขาหน้าไปไกลและออกแรงในการดึงประตูเข้ามา (ปัญหานี้กลับไม่มีใน New Mazda ที่ข้างประตูเกือบจะเหมือนกันแต่เลื่อนตำเหน่งจับบานประตูให้ใกล้เข้ามาและยังสามารถใช้เป็นที่ใส่ของเล็ก ๆ ได้อีกด้วย)

กลับมาสู่สิ่งที่กำลังเผชิญอีกครั้ง ระหว่างที่ผมกำลังช็อคอยู่กับสิ่งที่เห็น พนักงานขายก็ทำให้ผมช็อคมากกว่าเก่าเมื่อเธอพยายามยัดเยียดให้ผมจองรุ่น Open Cab ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีใครเคยเห็นรถ ไม่รู้ว่าเธอลืมไปหรือเปล่าว่ากำลังขายรถราคาเฉียดล้านไม่ได้กำลังขายหวยที่ลูกค้าไม่ต้องเห็นของ ไม่ต้องทดลองขับ นี่มันดูถูกผู้บริโภคกันมากเกินไปแล้ว Ford แสดงข้อมูลในเว็บและแผ่นพับมาอย่างแต่ของจริงกลับเป็นอีกอย่าง นี่รถก็ยังไม่นำมาแสดงแต่จะให้รีบจองแบบนี้จะให้ผู้บริโภครู้สึกอย่างไร ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเห็นรถ เธอบอกผมว่ากระบะตัวใหม่กว้างกว่า ยาวกว่า ดีกว่าตัวเก่า แต่พอผมถามเธอว่ามันกว้างยาวเท่าไรและดีกว่าอย่างไร จนถึงป่านนี้ผมก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากเธอ

ผมพยายามมองในแง่ดีว่าบางที Ford อาจจะเตรียมตัวไม่ทันกับงานที่รัฐบาลจัดขึ้นอย่างปุบปับจึงนำรถมาแสดงเพียงคันเดียวเพียงเพื่อให้ผู้บริโภคพอจะเห็นภาพว่า New Ranger นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ทำแผ่นพับรายละเอียดรถออกมาแจก พยายามหลอกตัวเองว่าบางทีรถที่จำหน่ายจริงอาจแตกต่างไปจากนี้ ถามพนักงานขายแม่งก็ไม่รู้ห่าอะไรทางที่ดีผมจะควรเมลไปถามทาง Ford โดยตรง แต่จนถึงวันนี้ Ford ก็ไม่เคยตอบเมลฉบับนั้นของผม

หนังสือหน้า (Facebook) คือช่องทางสุดท้ายที่ผมจะสื่อสารกับรถค่ายนี้ ผมถามคำถามเดียวกันกับที่ส่งอีเมลไปโดยเลือก post ลงบนที่กระทู้เกี่ยวกับ New Ranger ที่มีคนถามตอบและมีหน้าม้ากด like เป็นจำนวนมากเพื่อกดดันให้ admin รีบมาตอบคำถามเหล่านี้

แต่ผมกลับได้รับคำตอบเพียงสั้น ๆ ว่า แผ่นพับนั้นทำมาก่อนการผลิตรถ (แล้วมึงประสานงานกันภาษาห่าอะไรวะ ไม่มีการวางแผนการผลิตหรือยังไง) และรถจริงก็จะมีเสป็คตามที่เห็นในงาน (นี่พูดเล่นใช่ไหม) ยังไงก็ขอให้ส่งคำถามไปที่ info@ford.co.th (นี่มึงไม่ได้อ่านที่กู post เลยใช่ไหม ว่ากูส่งเมลไปแล้ว)

การให้บริการบนหนังสือหน้าของ Ford ในช่วงนั้นถือว่าอับปัญญามาก มีลูกค้าท่านหนึ่งถามง่าย ๆ ว่ากระบะรุ่นใหม่นี้มีเหล็กกันโครงหรือไม่ (หนึ่งในจุดขายของ Ranger ตัวเก่าคือ "เกาะทุกโค้งกับเหล็กกันโคลงหน้า-หลัง รายแรกในเมืองไทย") ทว่าพนักงานกลับตอบอย่างมักง่ายขอไปทีว่า "สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www…….." ทั้ง ๆ ที่เขาสามารถตอบกลับเพียงสั้น ๆ สองคำว่า "ไม่มี"

จากการศึกษาข้อมูลไปเรื่อย ๆ ทำให้เข้าใจว่าข้อมูลและภาพของสินค้าที่ปรากฏอยู่บนเว็บของ Ford นั้นไม่ใช่สินค้าที่จำหน่ายในประเทศไทย เพื่อการสร้างภาพลักษณ์ที่สวยหรูและด้วยความมักง่าย ซึ่ง Ford ไม่คิดจะปรับเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวให้ตรงกับความเป็นจริง แต่กลับใช้คาถาป้องกันตัวว่า "รายละเอียดของรถอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ" ลองพิจารณาให้ดีว่ามีที่ไหนบ้างที่ใช้ภาษาไทย และถ้าเว็บ Ford ประเทศไทยไม่แสดงข้อมูลให้ตรงกับสินค้าที่จำหน่ายแล้วจะให้คนไทยไปศึกษาข้อมูลสินค้าจากที่ไหน อย่าบอกว่าให้เมลไปที่ info@ford.co.th หรือพนักงานขายเลย เพราะพวกนี้ไม่เคยตอบและไม่รู้ห่าอะไรทั้งสิ้น ยิ่งถ้าไปถามอะไรที่ facebook เจ้าหน้าที่ก็จะให้ส่งคำถามเดิมอีกรอบไปที่ info@ford.co.th แทนที่จะตอบคำถามเสียตรงนั้นหรืออย่างน้อยก็ช่วยส่งต่อไปผู้ที่สามารถตอบคำถามได้

Ford พยายามสร้างภาพให้ New Ranger เป็นรถกระบะระดับหรูดังที่เห็นได้จากสเป็ครถที่จำหน่ายในต่างประเทศ แน่นอนว่าราคาขายต้องปรับตามทำให้ Ford อาจเสียลูกค้าบางส่วน จะว่าไปมันก็เหมือนกับการเลือกคู่ที่จะมีสักกี่คนที่ไม่อยากได้คู่ครองหน้าตาดี ทว่าจะมีสักกี่คนกันที่มีคู่ครองเช่นนั้น ฉันใดก็ฉันนั้นใคร ๆ ก็ชอบกระบะหรู ๆ แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีปัญญาครอบครอง นอกจากนั้นหาก Ford ต้องการจะฉวยปลามันจากโครงการรถคันแรก New Ranger จะต้องจำหน่ายในราคาไม่เกิน ๑ ล้านบาท จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Ford จะตัดสเป็คเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งกับรถเจ้าตลาดและสามารถรับประโยชน์จากโครงการของรัฐบาลด้วย จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่รถกระบะที่ผลิตโดยแรงงาน (ราคาถูก) ชาวไทย สร้างมลพิษที่ประเทศไทย ใช้ประโยชน์จาก พรบ.ส่งเสริมการลงทุนและสิทธิอื่น ๆ อีกสารพัด รวมถึงนโยบายการค้าเสรีที่เอื้อประโยชน์ให้อุตสาหกรรมจากต่างชาติที่มาถลุงทรัพยากรไทยในขณะที่กลับทำให้เกษตรกรของเราถูกแย่งตลาดจากผลิตผลต่างประเทศ ที่น่าเศร้าไม่แพ้กันคือรถ Ford ที่คนไทยได้ใช้กลับไม่อยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันกับที่จำหน่ายในประเทศอื่น นี่ความเนรคุณที่ Ford ทำกับตลาดรถกระบะหนึ่งตันที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันเป็นบ้านเกิดของมัน ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคนที่พร่ำเพ้อโหยหา T6 นั้นคิดอะไรกันอยู่ บางทีอาจจะเป็นพวกพนักงานที่ปั่นกระทู้กันเอง

New Ranger เป็น One Ford เพียงแต่เปลือกหาใช่ที่สมรรถนะหรือความปลอดภัยแต่อย่างใด การรอคอยของคนทั้งโลกเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่การรอคอยของผมสิ้นสุดลงแล้ว


4 comments:

Kongphop Sudjaritpanichayakul said...

รออ่าน ภาค 3 อยู่ครับ

Kongphop Sudjaritpanichayakul said...
This comment has been removed by a blog administrator.
AnT แอ๊น said...

-สำหรับบทนี้แฟนๆ Ford คงเหี่ยวไปตามๆกันอ่ะค่ะ วิจารณ์ซะเละเลย แบบละเอียดตั้งแต่ภายในถึงภ​ายนอก รายละเอียดในบ้านเราจนถึงนอ​กบ้าน เป๊ะมากค่ะเพื่อน

-ข้อมูลที่ว่าละเอียดๆนี่..​.อ่านแล้วเห็นเลยว่าผู้เขีย​นสืบค้นข้อมูลมามากจริงๆ จากหลายแหล่ง ทั้งแผ่นพับ เว็บไซต์ เซลล์ ณ ศูนย์บริการ งานออกร้าน แล้วก็ หนังสือหน้า (Facebook) และอื่นๆ

-ตามจริงแล้วเท่าที่อ่านบทน​ี้คือมันมีรายละเอียดปลีกย่​อยเยอะมากอ่ะขวัญ ทำให้รู้ว่าค้นคว้ามาจริง จุดที่อยากชมก็คือ สามารถนำเสนอแต่ละจุดได้อย่​างเป็นข้อๆ เป็นประเด็นๆชัดเจน ค่อยๆเผยทีละส่วนอย่างเป็นข​ั้นเป็นตอน อ่านแล้วไม่สับสนอ่ะค่ะ ถ้าเป็นแอ๊นคงเขียนสะเปะสะป​ะไปหมด อันนี้คือจุดที่แสดงกระบวนก​ารคิดอันเป็นระบบของผู้เขีย​น ที่ได้เรียบเรียงมาอย่างดีจ​นออกมาเป็นหนึ่งบทความแบบเต​็มๆเกี่ยวกับ Ford ที่น่าอ่านที่ซู้ดดดดดด....​.

-รายละเอียดย่อยๆ ก็ใส่ใจ เช่น สายสลิง/​คานพับที่ฝากระบะหลัง ความสบายในการนั่งขับ ขอบยาง โครง.. คาน.. หรือ แม้แต่น้ำหนักของฝากระบะที่​รู้สึกได้เมื่อยกเปิด หรือ ปิด... จะมีซักกี่คนที่คิดขนาดนี้.​...

-ชอบหลายๆวิธีเขียนค่ะ เช่น...
"ผมจำไม่ได้ว่า....(อาขับKu​botaไปลากรถตกหล่มกี่ครั้ง.​.).... แต่จำได้ว่า.... (ผมรู้ว่ารถแบบไหนที่เหมาะก​ับสภาพทางแบบนี้... อะไรทำน้องนั้น)"
หรือเช่น.."การรอคอยของคนทั​้งโลกเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่การรอคอยของผมสิ้นสุดลง"​ เป็นการย้ำประโยคที่เขียนไว​้ทำนองเดียวกันในตอนต้น (เหมือนกับที่ย้ำเรื่อง แมวขาว หรือ ดำ:-)
อีกอันที่ชอบคือ ย้ำลงท้ายสองย่อหน้าติดกันท​ี่พูดถึงการขอข้อมูลกับ Ford บอกว่า.."จนถึงตอนนี้เธอก็ย​ังไม่ได้ให้คำตอบกับผม และ อีกย่อหน้าที่บอก จนถึงตอนนี้อีเมล์ของผมก็ยั​งไม่ได้รับคำตอบ.." อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ สรุปได้ว่าไม่ว่าทางไหนก็ไม​่มีใครตอบอะไรกลับมา

-ภาพประกอบยอดเยี่ยมมวาก...​. ถ่ายเองอะไรเอง เก็บข้อมูลมาเอง ขนาดอยู่ในสวน อินเตอร์เนตก็ไม่ปกติ... ยังสามารถนำรูปภาพมาใส่ได้อ​ย่างดี อ่านแล้วไม่เบื่อ ไม่ต้องจินตนาการเอาเอง

-ชอบที่ใช้คำว่า "แผ่นพับ" โดยไม่เรียกว่า โบรชัวร์ แล้วก็มีศัพท์เฉพาะทางภาษาอ​ังกฤษมากมาย ทำให้เป็นงานเขียนที่เป็นวิ​ชาการและน่าเชื่อถือมากขึ้น​ คือ ไม่ได้วิจารณ์เอาแต่ความรู้​สึกอย่างเดียว แต่มีข้อท้อเท็จจริงด้วย

-ปล. รถที่มีดาวสามแฉกของพ่อ ถึงแม้ว่าต้องขับไปซ่อมไป แต่โดยรวมอาจจะตรงตามความต้​องการของพ่อ (ในฐานะผู้บริโภค) ก็ได้นะคะ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นความหมายข​องคำว่า "คุณภาพ" ในแบบขอพ่อเอง... คริๆ....

ชอบค่ะๆ.. มานั่งรออ่านภาคสามแล้วนะค้​า.... เรียกว่าอะไรล่ะ.. ตติยะ... หรอ???? รอๆๆๆๆๆ

Kwan - Extreme said...

จัดไปแล้วนะครับครบ ๕ ภาคเลย ขอบคุณที่ติดตามครับ