Popular Posts

Thursday, August 25, 2011

มงคลคืออะไร

หมายเหตุ: คน ส่วนใหญ่เวลาที่ต้องระบุศาสนาที่นับถือลงในแบบฟอร์มต่าง ๆ ก็มักจะตอบกันโดยแทบไม่ต้องคิดเลยว่า "ศาสนาพุทธ" ทั้ง ๆ ที่พวกเขามีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนอยู่อย่างน้อยนิด จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่พวกเราโชคดีได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแต่ กลับปล่อยโอกาสอันมีค่าให้หลุดลอยไป ด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจทำให้คนจำนวนไม่น้อยดำเนินชีวิตอย่างผิดทำนองคลอง ธรรมซึ่งในท้ายที่สุดก็จะต้องมารับผลอันเป็นวิบากจากกรรมชั่วของตน

ด้วยเหตุ นี้คณะทำงาน "เสื้อส้ม" จึง ได้พยายามรวบรวมบทความทางพระพุทธศาสนาต่าง ๆ มาเผยแผ่ให้กับเพื่อนสหธรรมมิกทุกท่านเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้ ถูกทำนองครองธรรมตามหลักพระพุทธศาสนา และจะอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งหากท่านจะกรุณาเผยแพร่บทความนี้เพื่อช่วยเหลือ ญาติมิตรทั้งหลายของท่านให้พ้นจากความทุกข์อันเนื่องมาจากวิบากกรรมจากความ ไม่รู้ด้วยเช่นกัน ขอให้สนุกกับการอ่าน

*********************************






หากพูดถึงคำว่า "มงคล"
หลาย ท่านอาจนึกถึงการนิมนต์พระมาสวดมนต์เป็นภาษาบาลีที่เราฟังไม่รู้เรื่อง (เผลอ ๆ ผู้สวดก็รู้ความหมายเพียงลาง ๆ) หรือวัตถุมงคลที่คนนิยมนำมาบูชา และบางท่านก็อาจจะนึกเลยเถิดไปถึงมงคลที่นักมวยไทยใช้สวมหัวก่อนขึ้นชก แล้วอะไรเล่าคือ "มงคล" ที่แท้จริง

ความ สงสัยในเรื่องนี้หาได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคปัจจุบันทว่ามีมานานครั้นแต่ในสมัย พุทธกาล ซึ่งมีผู้ได้ถามคำถามเดียวกันนี้กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงขออัญเชิญพระดำรัสจากพระองค์ท่านมาให้ความกระจ่าง

----------------------------------------------------------------

อันข้าพเจ้า คือพระอานันทเถระ ได้สดับมาแล้วอย่างนี้.
สมัยหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่เชตวันวิหาร อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้เมืองสาวัตถี.

ครั้ง นั้นแล เทพยดาองค์ใดองค์หนึ่ง ครั้นเมื่อราตรีปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมีอันงามยิ่งนัก ยังเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง, พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ โดยที่ใด, ก็เข้าไปเฝ้า ณ ที่นั้น.

ครั้น เข้าไปเฝ้าแล้ว จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ยืนอยู่ในท่ามกลางส่วนข้างหนึ่ง. ครั้นเทพยดานั้นยืนในที่สมควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยคาถาว่า

"หมู่เทวดาและมนุษย์ เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี ได้คิดหามงคลทั้งหลาย ขอพระองค์ โปรดแสดงมงคลอันสูงสุด"

[พระผู้มีพระภาคได้ตรัสตอบว่า]

[๑] การไม่คบคนพาล [๒] การคบบัณฑิต และ [๓] การบูชาบุคคลที่ควรบูชา นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๔] การอยู่ในถิ่นที่อันสมควร สิ่งแวดล้อมดี [๕] การได้ทำบุญทำความดีไว้ก่อน และ [๖] การตั้งตนไว้ถูกต้อง นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๗] การได้ฟังได้อ่านมากศึกษามาก [๘] ศิลปะวิทยา [๙] ระเบียบวินัยที่ฝึกฝนดี และ [๑๐]
วาจาที่กล่าวดี นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๑๑] การเลี้ยงดูมารดาบิดา [๑๒-๑๓] การสงเคราะห์บุตรและภรรยา และ [๑๔] การงานที่ไม่คั่งค้าง นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๑๕] การให้ [๑๖] การประพฤติธรรม [๑๗] การสงเคราะห์ญาติ และ [๑๘] การกระทำการงานที่ไม่มีโทษ นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๑๙] การงดเว้นจากบาปความชั่ว [๒๐] การสำรวมเว้นจากการดื่มน้ำเมา และ [๒๑] ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๒๒] ความเคารพ [๒๓] ความไม่อวดเบ่ง ความอ่อนน้อม [๒๔] ความสันโดษยินดีด้วยสิ่งที่หามาได้ มาด้วยความสุจริต [๒๕] ความรู้อุปการะที่ท่านทำแก่ตน และ [๒๖] การฟังธรรมตามกาล นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๒๗] ความอดทน [๒๘] ความเป็นคนว่าง่านสอนง่าย [๒๙] การเห็นสมณะ และ [๓๐] การสนทนาธรรมตามกาล นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๓๑] ความเพียรเผากิเลส [๓๒] ความประพฤติอันประเสริฐ [๓๓] การเห็นอริยสัจ และ [๓๔] การทำนิพพานให้แจ้ง นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

[๓๕] ถูกโลกธรรมกระทบแล้ว จิตไม่หวั่นไหว [๓๖] จิตไม่โศกเศร้า [๓๗] จิตที่ปราศจากธุลีคือกิเลส และ [๓๘] จิตที่เกษม นี้เป็นมงคลอันสูงสุด

เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย กระทำมงคลเช่นนี้แล้ว ไม่พ่ายแพ้ในทุกที่ ย่อมถึงความสวัสดีในทั้งปวง ข้อนั้นเป็นมงคลอันสูงสุด ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น แล.