Popular Posts

Sunday, February 19, 2012

กว่าจะเป็นรถคันแรก – เรื่องยาวที่ยังไม่จบ ปัจฉิมภาค

สมยอม

ผมคงไม่สามารถรอจนถึงไตรมาสที่สองได้ เพราะแต่เดิมผมต้องการจะใช้รถภายในเดือนธันวาคมด้วยซ้ำ ที่จองช้าก็เพราะรอลุ้นว่าแผนส่งเสริมการตลาดในงาน Motor Expo จะดีกว่าในงานรถคันแรก แต่ผมคิดผิด ไม่ใช่สิต้องเป็นผู้บริหารที่คิดผิด ผมจึงเสียเวลารอเก้อ ทว่าอย่างน้อยผมก็ได้เห็น Colorado X-cab รุ่นท็อปทำให้ความลังเลของผมจบลงเสียที

จากยอดขายอันถล่มทลายของ D-Max ทำให้ผมแอบลุ้นอีกแล้วว่าผู้บริหารของ GM น่าจะคิดได้เสียทีว่าควรเปลี่ยนแผนส่งเสริมการขายโดยด่วนมากถึงมากที่สุด เพราะทั้ง D-Max และ Colorado ต่างก็สร้างขึ้นมาบนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกันนอกจากนั้นมันยังมีการออกแบบภายในที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง หนำซ้ำ Colorado ยังมีเครื่องยนต์ที่ทันสมัยพร้อมสมรรถนะที่ดีกว่าแต่ยอดขายกลับห่างกันราวฟ้ากับก้นเหว ผมจึงยังไม่รีบจองแต่รอดูท่าทีอีกสักพักว่า GM จะปรับแผนการตลาดในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่ แต่หากรอนานเกินไปผมก็เกรงว่าจะไม่ทันการผลิตในล็อตแรก ๆ ในระหว่างนี้ผมได้ติดต่อกับศูนย์บริการอีกหลายแห่งแต่ก็ไม่ได้เงื่อนไขที่ดีกว่าเดิมเลย ผมลองปรึกษากับน้องที่เคยช่วยให้ที่บ้านถอย Triton 4x4 มาในราคาที่ดีมาก ๆ แต่คุณน้องกลับไม่มีสายสัมพันธ์กับ Chevrolet ผมจึงต้องทำใจยอมรับและจองตามเงื่อนไขแบบแห้ง ๆ

การจองสะดุดลงอีกครั้งเพราะอาแนะนำให้คุยกับเพื่อนลูกสาวซึ่งเป็นที่ปรึกษาการขายของ Chevrolet สาขาพระรามสอง/บางบัวทอง

เรื่องในกรอบ ๗ – บทสนทนา ๓

เสียงรับโทรศัพท์ ผมประเดิมพูดก่อน

"สวัสดีครับ สนใจ New Colorado รุ่น 2.8 LTZ Z71 ตัวขับสี่ครับ"

"เอ่อ........." เซลล์กำลังมองในโพยว่ามันอยู่ตรงไหนก่อนพูดว่า

"ตัวที่ราคา ๘๕๒ ใช่ไหมคะ"

"ใช่ครับตัวแปดแสนกว่านั่นแหละ อยากทราบว่าถ้าซื้อกับคุณแล้วจะแถมอะไรบ้างครับ"

"ก็ของแต่ง ๕,๐๐๐ นะคะก็จะได้ประมาณ กรอบป้ายทะเบียน ยางปูพื้น ฟิล์มกรองแสงเกรดทั่วไปนะคะ ถ้าจะเอาดีกว่านั้นก็ต้องจ่ายเพิ่มบางส่วนคะ"

"แค่นี้เองหรอครับ"

"รถเราเป็นรถใหม่คะ ไม่เหมือนพวกที่ขายไม่ค่อยออกเลยต้องให้ของแถมเยอะ แต่ก็น่าจะรีบจองนะคะเพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่นก่อนรับรถลูกค้าก็จะได้ของเพิ่มด้วยค่ะ"

"ทำไม Ford กับ Isuzu ที่เปิดตัวพร้อมกันยังให้อะไรมากกว่านี้เยอะเลยครับ"

"รถเราไม่ใช่รถตลาดนะคะ มันเป็นสินค้าสำหรับคนที่ไม่ต้องการอะไรเดิม ๆ" ผมสัมผัสถึงความไม่พอใจในคำพูดนั้น

อีห่าเอ้ย...ไม่ใช่รถตลาด ถุย ก็เพราะมันขายไม่ออกนะสิ ถ้าไม่บ๊วยแบบนี้ก็คงบอกว่ารถเราเป็นสินค้าชั้นนำ

"ตามเสป็คเนี่ยรถของเรานี่บรรทุกได้สามตันกว่าเลยนะคะ"เซลล์พูดต่อ

"หรอครับ" อีนี่เอาอีกแล้วสามตันกว่านั่นมันรวมน้ำหนักรถด้วย New Colorado อย่างเดียวก็เกือบจะสองตันแล้ว ถ้าเอาตามเสป็คก็บรรทุกได้แค่ตันเศษ ๆ

"ส่วน Isuzu ก็ไม่ได้แถมไลน์เนอร์นะคะ มันเป็นแพ็คเก็ด [เธอออกเสียงแบบนั้น] ที่ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่ม"

ก็ดีกว่า Chevrolet ละวะ ไลน์เนอร์จะมาเมื่อไหร่ราคาเท่าไรป่านนี้ก็ยังไม่รู้ ไม่ชัดเจนสักอย่าง

"แต่ก็แอบบอกได้หน่อย ๆ นะคะว่าถ้าซื้อกับเราอาจจะได้ไลน์เนอร์ด้วย"


ผมควรจะเชื่อเธอดีไหม?


ผมลองวัดดวงอีกครั้งด้วยการตั้งกระทู้ในหนังสือหน้าของ Chevrolet Thailand ว่าต้องการจะซื้อรถรุ่นนี้ ถ้าพนักงานขายคนไหนมีของแถมที่น่าสนใจขอให้มาคุยกันหลังไมค์ แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โชคชะตาบังคับให้ผมทำใจเพราะยังไงผมก็ไม่ถ่อจากตราดไปจองถึงสุโขทัยเพื่อเอาประกันชั้น ๑ แน่ ๆ ไหนจะค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเสียเวลา ฯลฯ ผมวานแฟนให้ช่วยติดต่อกับศูนย์บริการแถวบ้าน เธอบอกผมว่าที่สาขาปิ่นเกล้าได้ กรอบป้ายทะเบียน ยางปูพื้น เบาะ Cab และฟิล์ม 3M

"แค่นี้ก็แค่นี้วะ กูยอมแล้ว"

ปลายเดือนธันวาคมผมมีเหตุต้องเข้ากรุงเทพจึงถือโอกาสแวะไปจองรถที่ศูนย์บริการ ข่าวร้ายคือผมไปถึงก่อนหกโมงแต่ศูนย์นี้ปิดทำการตั้งแต่ห้าโมงกว่าแล้ว ถือซะว่าได้ความรู้ใหม่ที่ศูนย์บริการแต่ละแห่งปิดไม่พร้อมกันแม้ว่าจะขายรถยี่ห้อเดียวกันก็เถอะ มาทราบเอาทีหลังว่าวันตอนนั้นพนักงานขายก็นั่งกินเหล้าอยู่ข้างศูนย์ แกบอกผมว่าถ้าพี่โทรมาก็จะไปหาเดี๋ยวนั้นเลย ถึงผมจะไม่เคยอ่านหนังสือสมบัติผู้ดีเลยสักครั้งแต่บางครั้งผมก็พอจะรู้กาลเทศะ

การจองสิ้นสุดลงในวันรุ่งขึ้นโดยที่พนักงานขายบอกว่าเรื่องฟิล์มจะนัดคนไปติดให้ข้างนอกเพราะตามระเบียบแล้วมันจะเกินส่วนลดที่ทางศูนย์ให้ได้แกจึงต้องลดกำไรของตัวเองลงเป็นค่าฟิล์ม ส่วนเรื่องพื้นปูกระบะแกบอกว่าจะขายให้ผมในราคาพนักงาน อยากรู้จริง ๆ ว่าแกจะลดให้ผมแค่ไหน ผมถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ผมจะได้รถภายในอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ พนักงานไม่กล้ารับปากแต่ลงในใบจองว่าจะได้รับรถในเดือนกุมภาพันธ์....ปีนี้เดือนสองยาวที่สุดในรอบสี่ปีด้วยสิ

กว่าจะเป็นรถคันแรก

ระหว่างรถผมก็หาขอมูลเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ ช่วงแรกผมให้ความสนใจกับหน้าหนังสือหน้าของ Chevrolet แต่ด้วยเจ้าหน้าที่ประจำเว็ปที่ห่วยที่สุดในสามโลกทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งความขายหน้าของบริษัท ไม่รู้ว่าเป็นความโชคร้ายของบริษัทหรือของผู้บริโภค ผมแทบจะไม่เห็นเธอโพสท์ห่าอะไรที่มีเนื้อหาสาระอันเป็นประโยชน์ มีแต่ข้อความประมาณว่า "สวัสดีค่ะวันนี้วันจันทร์อีกแล้วนะคะ ขอให้มีกำลังใจเกินร้อยสำหรับการทำงานนะคะ" หรือ "ในที่สุดก็ถึงวันศุกร์อยากรู้จังเลยว่าวันหยุดนี้สาวกเชฟจะไปพักผ่อนที่ไหนกัน" (รถมึงเป็นศาสดาตั้งแต่เมื่อไร) นอกจากนั้นก็มีแต่กระทู้จากลูกค้า Cruz ท่านหนึ่งที่รถมีปัญหาจึงมาเขียนด่าทุกวันวันละหลายเวลา....แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ทำห่าอะไรที่เป็นประโยชน์อีกเช่นเคย ลูกค้าคนเดิมทนไม่ไหวจึงส่งเมลไปถึงผู้บริการจน GM ต้องเช่ารถคู่แข่งอย่าง Toyota Camry มาให้ขับระหว่างรอรถ

กลับมาพูดถึงเจ้าหน้าที่หนังสือหน้าอีกครั้ง วันหนึ่งเธอนำรูปวิศวกรใหญ่ยืนคุยกับพนักงานแล้วเขียนข้อความว่า Mr.อะไรสักอย่างกำลังอธิบายถึง ๓๐ ขั้นตอนตรวจรถก่อนส่งมอบให้ลูกค้าเพื่อความมั่นใจในคุณภาพ ผมจึงถามว่าแล้ว ๓๐ ขั้นตอนนั้นมีอะไรบ้าง และก็อีกเช่นเคยที่ผมไม่ได้รับคำตอบ นี่ยังไม่พอเธอยังเคยตั้งกระทู้ด้วยว่า New Colorado ช่วงล่างเหนือใครด้วย Torsion Bar......มันจะบ้ากันไปแล้ว

ผมจึงต้องค้นหาแหล่งข้อมูลต่อไปและพบว่า www.newcoloradoclub.com คือศูนย์กลางแห่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถรุ่นนี้ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างรวมถึงความบกพร่องที่เกิดขึ้นกับรถบางคันซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ แม้จะมีสมาชิกอยู่น้อยเมื่อเทียบกับบอร์ดอื่นแต่มันกลับทำให้มิตรภาพของสมาชิกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสงสัยไม่น้อยของผมจบลงที่นี่พร้อมกับเพื่อน (ร่วมทุกข์รอรถ) อีกหลายท่าน

ปลายเดือนมกราคมผมวานให้แฟนโทรไปถามพนักงานขายว่าสามารถส่งมอบรถได้ในเดือนกุมภาพันธ์ตามที่ตกลงกันหรือไม่ พนักงานยังไม่กล้ายืนยันแต่แจ้งว่าจะการมีประชุมเรื่องนี้ในอาทิตย์หน้าและจะติดต่อกลับมาหลังจากนั้น พนักงานติดต่อกลับมาตามที่ว่าไว้แต่ข่าวร้ายคือรถรุ่น 2.8L 4WD X-cab LTZ Z71 ยังคงไม่มีการผลิต ซ้ำร้ายคือการประกอบรถจะถูกเลื่อนไปต่อท้ายรุ่น C-cab ที่เพิ่งจะเดินสายการผลิตซึ่งค่อนข้างจะแน่นอนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผมจะได้รับรถในเดือนกุมภาพันธ์ พนักงานขายพยายามหาทางออกให้กับผมโดยเสนอว่าให้เปลี่ยนเป็นรุ่น 2.5L 4WD X-cab LT Z71
ดีไหมเพราะแกสามารถขอแลกรถกับศูนย์บริการอื่นได้ แต่ผมปฏิเสธเพราะได้ตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว ผมลองเช็คกับศูนย์อื่นก็พบว่ายังไม่มีที่ไหนมีรถรุ่นที่ผมต้องการเช่นกันแม้ว่าจะเป็นศูนย์ใหญ่ ๆ อย่างชลบุรี

ผมเชื่อว่าพนักงานขายทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็อยากจะได้รับคำยืนยันจากทาง GM ว่ารถรุ่นที่ผมสั่งไปถูกเลื่อนการผลิตจริงหรือไม่ และหากเป็นเช่นนั้นจะเริ่มการผลิตเมื่อไร ผมจึงโทรไปภามที่ ๑๗๓๔ เพื่อฟังจาก Chevrolet โดยตรงว่าที่พนักงานขายแจ้งมานั้นเท็จจริงเป็นอย่างไรเพื่อให้สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ แต่คำตอบเดียวที่ผมได้รับจาก ๑๗๓๔ คือ "ไม่สามารถให้คำตอบได้ค่ะ" ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันหมายความว่า "เธอรู้คำตอบแต่เลือกที่จะไม่ตอบ" หรือว่า "เธอไม่รู้คำตอบแล้วก็ไม่คิดจะหาคำตอบมาให้ลูกค้า" This is another idiotic risk of GM. ผมจึงถามเธอว่าผมจะสามารถติดต่อกับฝ่ายผลิตได้อย่างไร ส่วนคำตอบที่ผมได้ก็คือ "ไม่สามารถทำได้คะ ขอให้ลูกค้าติดต่อกับพนักงานขายจะได้คำตอบที่ชัดเจนกว่าค่ะ" บางทีความจำเธอคงจะสั้นจริง ๆ เพราะผมเพิ่งจะพูดไปว่าพนักงานขายตอบไม่ได้ผมจึงโทรมาที่นี่

เดิมทีผมรู้สึกเซ็งนิดหน่อยแต่ตอนนี้ผมรู้สึกแย่มาก ๆ ผมลองส่งคำถามเดียวกันไปที่หนังสือหน้าที่ตอนนี้ลูกค้าไม่สามารถตั้งกระทู้ได้อีกแล้ว แน่นอนว่าผมไม่ได้รับคำตอบอีกเช่นเคย ผมนึกถึงลูกค้าขาประจำท่านหนึ่งที่ทนไม่ไหวจึงส่งจดหมายไปถึงผู้บริหาร บางทีผมควรจะลองบ้าง...ทว่าผมจะเอาอีเมลคนเหล่านี้มาจากไหน ผมลองหาในเว็ป GM ทั้งไทยและเทศแต่ก็ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ผมจึงใช้สามัญสำนึกเดาอีเมลที่น่าจะเป็นไปได้ของผู้บริหารที่เกี่ยวข้องและส่งข้อสงสัยไปในคืนนั้น (จริง ๆ จะเรียกเช้าก็ได้)

เช้าวันรุ่งขึ้น (หรือจะเรียกว่าวันเดียวกันดี) ทั้ง GM และศูนย์บริการต่างโทรกระหน่ำหาผมจนหูแทบไหม้

"สวัสดีคะพอดีทางผู้ใหญ่ให้มาติดต่อกับคุณ...เรื่องรถค่ะ...." (อีนี่วันก่อนเพิ่งคุยกับกูจำไม่ได้หรือไง)

"สวัสดีครับพี่ พี่เขียนร้องเรียนไปที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์หรือครับ ..........."

"สวัสดีครับไม่ทราบว่าคุณ.....จองรถรุ่นไหนอยู่หรอครับ" (ถามงี้แปลว่าใบจองกรูยังไม่ถึง GM สิแล้วชาตินี้จะได้รถมั้ย)

อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีความหวังว่าจะได้รถตามกำหนดคือจดหมายจากรองประธาน/หัวหน้าฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่ยืนยันว่าผมจะได้รับรถภายในเดือนกุมภาพันธ์ และจะมีพนักงานติดต่อกลับมาในวันจันทร์เพื่อแจ้งวันรับรถ รองประธานยังแสดงความเป็นมืออาชีพขอโทษลูกค้าด้วยการไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ เมื่อผมนำรถเข้าศูนย์เมื่อครบกำหนดเป็นครั้งแรก

วันจันทร์ผมรออย่างใจจดใจจ่อจนถึงเย็นแต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทาง Chevrolet ผมกำลังจะเมลไปถามรองประธานและระหว่างนั้นเองก็มีโทรศัพท์จากทาง Chevrolet ติดต่อเข้ามาแจ้งว่ายังไม่สามารถประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ครับ......... (แสด) เจ้าหน้าที่บอกว่าขอเวลาอีกประมาณสองวันแล้วจะแจ้งกลับมาอีกครั้ง

ระหว่างที่รอการติดต่อกลับจากทาง Chevrolet ผมนั่งดูแผ่นพับเป็นรอบที่ ๓๒ ล้านแล้วผมพบสิ่งผิดสังเกตว่าล้อแม็ก ๑๗ นิ้วในรูปกับในรถที่นำมาแสดงในงาน Motor Expo นั้นไม่ตรงกัน ผมจึงส่งอีเมลไปที่ GM ซึ่งก็ไม่ตอบห่าไรให้กูอีกเช่นเคย เย็นวันพุธทาง GM ติดต่อมาที่ผมอีกครั้งเพื่อแจ้งว่ารถรุ่น 2.8L 4WD X-cab LTZ Z71 จะเริ่มการผลิตในกลางเดือนมีนาคม

แบบนี้กูถอนจองแล้วจองอีกรอบเดือนเมษาเพื่อเอาโปรโมชั่นใหม่เลยดีไหม หรือจะไปขี่ Mazda ที่คุณ J!MMY (จิ้มฉันที) เขียนเชียร์แบบเกือบจะออกนอกหน้า แต่ก่อนจะทำการใหญ่ขอผมส่งเมลอีกฉบับไปหาผู้บริหารก่อน มันเป็นจดหมายสั้น ๆ ที่มีใจความสำคัญว่า "ทำไมลูกค้าที่ซื้อสินค้าที่ดีที่สุดถึงได้รับความสนใจเป็นอันดับสุดท้าย"

รองประธานตอบกลับมาอีกครั้งในคืนวันศุกร์ว่าเจ้าหน้าที่น่าจะได้แจ้งให้ผมทราบแล้วว่ากำลังดำเนินเรื่องผลิตรถหนึ่งคันก่อนกำหนดเพื่อให้ทันกำหนดส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ อาทิตย์ต่อมาผมได้รับการติดต่อจากทาง Chevrolet อีกครั้งว่ารถที่จองไว้จะไปถึงศูนย์บริการในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ทันกำหนดแบบเส้นยาแดงผ่าแปด (ถ้าเป็นปีอื่นผมอาจต้องรออีกถึงสามปี) ผมจึงถือโอกาสถามเรื่องล้อแม็กและได้รับคำตอบในอีกสองวันหลังจากนั้นว่ารูปในแผ่นพับน่าจะผิดเพราะล้อ ๑๗ มีเพียงแบบเดียว

อย่างไรก็ตาม ถ้ารถมาถึงในวันนั้นและสิ่งที่รองประธานพูดเป็นความจริง New Colorado นอกจากจะเป็นรถคันแรกของผมแล้วมันยังเป็นรถ 2.8L 4WD X-cab LTZ Z71 ที่ถึงมือลูกค้าเป็นคันแรกของโลกอีกด้วย



เรื่องในกรอบ ๘ – กระทู้ถามจากหนอนบล็อก

"เห็นตอนแรกกังวลว่าจะหาคอกกระบะติดไม่ได้ แล้วตอนนี้มีข้อสรุปว่าอย่างไร" หนอนบล็อกเปิดประเด็น

"ในส่วนของคอกกระบะนั้นจริงอยู่ว่ากระบะของ Chevrolet กว้างกว่าของ Isuzu แต่มันกว้างกว่าเพียง ๔ มม พอ ๆ กับความกว้างของไม้ขีดสองก้าน และผมได้เห็นรถ New D-Max ใส่คอกกระบะวิ่งแถวบ้านแล้วประเด็นนี้จึงตกไป" ผมตอบอย่างมั่นใน


"New Colorado นี่ใหญ่ยาวเหลือเกิน สงสัยว่าเมื่อเทียบกับ All New ของค่ายอื่นแล้วเป็นไงบ้าง"

"ในส่วนของความยาวรถก็พอ ๆ กับ New Ranger นะ ของ Chevrolet - ๕,๓๔๗ มม ส่วน Ford – ๕,๓๕๑ ที่ยาวที่สุดกลับเป็นคนญี่ปุ่นเอ้ยรถญี่ปุ่นอย่าง Mazda จัดมาที่ ๕,๓๗๓ "


หนอนบล็อกคิดชั่วขณะก่อนยิงคำถาม "แล้ว New D-Max ละเมื่อเทียบกับ New Colorado แล้วเป็นไง"

"ในส่วนของความยาวของ D-Max ถือว่าสั้นกว่า All New ของค่ายอื่นมาก เพราะมันยาวเพียง ๕,๑๙๐ สั้นกว่าคู่แฝดเกือบ ๒๐ ซม"


"แบบนี้กระบะ Mazda ก็ยาวกว่าเพื่อนสิ"

"ในส่วนของความยาวกระบะมันหาเป็นเช่นนั้นไม่ Mazda ยาว ๑,๗๘๓ มมเท่ากับ Ford เป๊ะ ของ Chev บ๊ะอยู่ที่ ๑,๗๙๕ มม ยาวที่สุดคือ Nissan Navara อยู่ที่ ๑,๘๓๐ มม

BOX DIMENSION

WIDTH

LENGTH

HEIGHT

NISSAN

1494

1830

455

FORD

1560

1783

511

FORD (เก่า)

1456

1753

465

CHEVROLET

1534

1795

NA

CHEVROLET (เก่า)

NA

1840

NA

TOYOTA

1515

1805

450

MITSUBISHI

1470

1805

462

MAZDA

1560

1783

513

ISUZU

1530

1795

456


คันที่กว้างหรือยาวที่สุดไม่ได้หมายความว่าจะบรรทุกของได้มากที่สุดเสมอไป เพราะเราจะต้องนำการสูญเสียจากมิติโป่งล้อมาพิจารณาด้วย วิธีที่ดีที่สุดคือให้นำตะกร้าสี่เหลี่ยมวางให้เต็มแล้วดูว่าใครบรรทุกได้มากกว่ากัน"


"มิติภายในเมื่อเทียบกับ New Ranger"

"ในส่วนของมิติภายใน Chevrolet ถือว่ากว้างกว่าเล็กน้อย แต่มีความสูงห้องโดยสารน้อยกว่าเพราะ GM มาพัฒนารถที่บ้านเราและพบว่าคนไทยตัวเตี้ย เอ้ยคนไทยไม่ชอบแดดจึงทำหลังคาให้ต่ำ"

FORD

CHEVROLET

Front Head Room

1024

1005

Front Leg Room

1058

1068

Front Shoulder Room

1440

1460


"มีคนสงสัยว่า New Colorado รุ่น ๒.๕ ใช้เครื่องตัวเดียวกับ Isuzu "

"ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นขอยืนยันว่าใช้เครื่องยนต์คนละตัว Isuzu ใช้เครื่องยนต์ขนาด ๒,๔๙๙ มีความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก = ๕.๔ x ๘๗.๔ (เท่ากับ Colorado ตัวเก่าเป๊ะ) ในส่วนของ New Colorado ใช้เครื่องยนต์ขนาด ๒,๔๔๙ กระบอกสูบ x ช่วงชัก = ๙๒ x ๙๔"


"ถ้าออกรถไตรมาสที่สองอาจได้ของแถมมากกว่า" หนอนบล็อคไม่ยอมเลิก

"เอ่อ........พอดีกูเสียค่าโง่ไปแล้วหนะ"

กว่าจะเป็นรถคันแรก – เรื่องยาวที่ยังไม่จบ จตุภาค

Motor Expo

Motor Expo จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สวนกระแสวิกฤติน้ำท่วม ไม่น่าแปลกใจเลยที่ปีนี้รถกระบะจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษเพราะคนไม่น้อยคงจะจำได้เป็นอย่างดีว่ามันมีประโยชน์มากเพียงไรในยามฉุกเฉิน นอกจากนั้นการเปิดตัวของรถกระบะรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการถึง ๔ ค่ายในงานนี้ย่อมช่วยโหมกระแสรถกระบะให้พุ่งขึ้นไปอีก

Ford เปิดตัวอีกหลายรุ่นโดยมี Wildtrak 3.2 สี Chilli Orange (ส้มเน่า) เป็นตัวชูโรงซึ่งเป็น Talk of the Facebook อยู่พักหนึ่งว่าสีของรุ่นนี้ที่จำหน่ายในบ้านเรานั้นต่างจากตัวที่จำหน่ายในต่างประเทศ มีรถรุ่นนี้เพียงรุ่นเดียวที่เสป็คเกือบจะเหมือนตัวที่จำหน่ายที่อื่น คนที่ชอบก็บอกว่าสวยเหลือเกินในขณะที่คนไม่ชอบก็บอกว่าปากมอมตัวส้มขอบประตูดำถ้า TOT ซื้อไปใช้ก็ไม่ต้องทำสีเลย ส่วนรุ่น 2.2 ที่จำหน่ายในประเทศไทยก็เป็นของคุณภาพต่ำที่คนไทยทำมาจำหน่ายให้คนไทยโดยเฉพาะ ไม่นานนักหลังจากที่รถถึงมือลูกค้าก็มีการนำความบกพร่องจากการผลิตมาประจานกันบนเว็ปให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เช่น ตัวถังเบี้ยว หัวเกียร์หลุด ใต้ท้องรถขึ้นสนิม ผมค้นรูปจากงานรถคันแรกมาดูอย่างจริงจังแล้วพบคราบแดง ๆ ที่ดูเหมือนสนิมเสียด้วยสิ....... นอกจากนั้นยังมีปัญหาส่งมอบรถช้าอย่างไม่มีกำหนดทำให้ลูกค้าขายใบจองกันเกลื่อน และมีจำนวนไม่ที่น้อยหันไปถอยรถคู่แฝดอย่าง Mazda ที่จัดมาแบบไม่ต้องรอทั้งรุ่น 2.2 และ 3.2

สำหรับความพร้อมด้านการเตรียมข้อมูลให้ลูกค้า Ford ทำได้น่าผิดหวังอีกเช่นเคย มีเพียงใบราคาขนาด A4 โดยไม่มีรายละเอียดใด ๆ และหากไปหาข้อมูลบนเว็บก็จะไม่พบรายละเอียดรถเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดสำหรับผม Ford ยังไม่จำหน่ายรุ่น Open Cab 4x4 ในประเทศไทย ดังนั้นการโคจรของเราจึงยังคงเป็นเส้นขนาน

Mazda ในที่สุดก็เปิดตัว BT-50 Pro เสียทีตัวจริงดูไม่หลุดโลกอย่างที่คิด น่าเสียดายที่มันมาแบบรถยกสูง (อยู่บนเวที) จนไม่รู้จะดูยังไง ส่วนตัวที่อยู่ด้านล่างก็เสือกล็อคประตูอีก แล้วจะเอามาทำห่าอะไรวะ ซุ้มของ Mazda ดูน่ากลัวเพราะเต็มไปด้วยพนักงานในชุดสีทะมึนยืนอยู่เต็มไปหมดจนลูกค้าแทบจะไม่กล้าเข้าไป ส่วนเรื่องการเตรียมข้อมูลก็เช่นเดียวกับฟอร์ด Mazda ยังไม่ทำแผ่นพับและแสดงรายละเอียดรถบนเว็บแต่พยายามชักชวนจะให้จองอยู่ได้ โดยที่แม้แต่พนักงานขายเองก็ไม่รู้ว่ารถของตนนั้นราคาเท่าไร มีคุณสมบัติอย่างไร และจะเริ่มจำหน่ายเมื่อไร
นี่มันบ้าไปแล้ว

ปลายเดือนมกราคม ๒๕๕๕ Mazda ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ทำลักปิดลักเปิดมานานหลายเดือน รถรุ่น 3.2 นั้นจัดเต็ม แม้แต่ระบบที่คนไทยไม่ค่อยได้ใช้ เช่น ระบบควบคุมการสะบัดจากรถพ่วงท้าย (Trailer Sway Control) ก็ยังจัดมาให้ในรุ่นนี้ คิดเล่น ๆ ว่าสำหรับประเทศไทยที่ถนนแคบและมีข้อจำกัดเรื่องเวลาสำหรับรถพ่วงคนจึงนิยมเอาของมาสุมจนท่วมหลังคารถ น่าจะมีวิศวกรที่อ่านเกมส์ขาดคิดค้นระบบควบคุมการสะบัดจากน้ำหนักบนหลังคาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

การออกแบบภายในมีความคล้ายคลึงกับ Ford หลายอย่างในขณะที่ยังรักษาแนวทางของตนเองไว้ ต่างจากคู่แฝดอย่าง Isuzu และ Chevrolet ที่ถอดกันมาทั้งดุ้น เช่นเดียวกับอีซูสุ Mazda ควรปรับปรุงการใช้สีแดงอย่างพร่ำเพรื่อที่สร้างบรรยากาศเครียด ๆ และอาจสร้างความสับสนในกรณีฉุกเฉิน

Mazda ใช้ผู้พันเบิร์ดเป็น Presenter ซึ่งหากคิดดี ๆ แล้ว Mazda หาเพียงได้ประโยชน์จากภาพลักษณ์ที่ยังสะอาดอยู่ของผู้พันเท่านั้นแต่ยังได้รับผลพลอยได้บทบาทในภาพยนต์ของ Presenter ด้วย เรื่องตลกร้ายคือผู้พันเบิร์ดเคยขี่นางเอกม้าขาวขาย Toyota Hilux Vigo มาก่อน

ต่างจากบริษัทพันธมิตร Mazda เปิดตัวรถตอนครึ่งขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด ๓.๒ ซึ่งมากับราคา ๘๑๔,๐๐๐ เท่ากับ Toyota Hilux Vigo Smart Cab 3.0G 4WD และแพงกว่า Isuzu V-Cross 3.0 VGS Z-Prestige เพียง ๑,๐๐๐ บาท แต่ (ผมเกลียดคำนี้จริงๆ) สิ่งที่ Mazda เรียกว่าแอดวานซ์ เทคโนโลยี เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ ระบบป้องกันการลื่นไหล ระบบป้องกันล้อล็อค ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วเมื่อขับลงทางลาดชัน หามีไม่ในรถรุ่นนี้

และจุดเปลี่ยนที่สำคัญก็มาถึงในวินาทีที่ผมเดินไปถึงซุ้มตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสุดอลังการของ Chevrolet รถกระบะ New Colorado 2.8L 4WD X-cab LTZ Z71 สีน้ำตาลรุ่นท็อปจอดตะแคงอยู่บนพื้นที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ Chevrolet วางตัวให้มันเป็นพระเองในงานนี้และในสื่อโฆษณาอื่น ๆ ผมอยากเห็นมันมานานแล้วแต่มันเพิ่งจะมาเปิดตัวที่นี่เป็นครั้งแรก รถดูสวยกว่าในรูป เสียอยู่อย่างที่รถรุ่นนี้นำมาแสดงมีเพียงคันเดียวและไม่เปิดให้ชมภายใน ได้แต่มองผ่านกระจกเข้าไป ภายในห้องโดยสารดูมีระดับกว่ารุ่น LT และ Isuzu V-Cross Z-Prestige อย่างเห็นได้ชัดด้วยปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอลและเบาะผ้าแท้สีน้ำอ่อนสลับกับสีน้ำตาลเข้ม จนถึงวันที่ผมเขียนบันทึกฉบับนี้ (กุมภาพันธ์ ๕๕) นี่คือรถกระบะตอนครึ่งรุ่นเดียวที่มีระบบความปลอดภัยแบบครบครันไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล (Traction Control System) และระบบช่วยเบรกขณะเข้าโค้ง (Cornering Break Control)

ผมตกหลุมรักมันในวินาทีนั้นแม้ว่ามันจะมาด้วยราคา ๘๕๒,๐๐๐ แต่ลองคิดในอีกมุมมองหนึ่งหากว่าผมจะซื้อรถยนต์สักคันผมก็คงจะซื้อในช่วงราคานี้ ซึ่ง New Colorado LTZ ให้มากกว่าสิ่งที่รถยนต์หรือแม้แต่ SUV ในราคาที่ผมพอจะมีปัญญาซื้อไม่ว่าจะด้วยการออกแบบทั้งภายนอก ภายใน สมรรถนะ และความปลอดภัย ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่เกรงว่าจะมากกว่านั้นผมได้ลองพิจารณาจากระบบส่งกำลังว่าเครื่องยนต์ทั้งสองขนาดมีอัตราทดเกียร์เท่ากัน ทว่าในรุ่น ๒.๘ มีอัตราทดเฟืองท้ายที่ต่ำกว่าอยู่ที่ ๓.๗๒๗ ส่วนในรุ่น ๒.๕ อยู่ที่ ๔.๑๐๐ เพราะฉะนั้นหากวิ่งทางไกลด้วยความเร็วคงที่เครื่องยนต์ขนาด ๒.๘ จะใช้รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าซึ่งอาจช่วยให้อัตราสิ้นเปลืองไม่แตกต่างจากรุ่นเล็กมากนัก อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการประเมินแบบตื้น ๆ จากข้อมูลที่ผมมีเนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีเกจิค่ายไหนเขียนบดทดสอบเกี่ยวกับรถสองรุ่นนี้

แต่ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการตัดสินใจเลือก 2.8L 4WD X-cab LTZ Z71

อีกภารกิจหนึ่งของผมในวันนี้คือการมาหาข้อมูลส่งเสริมการขายของ New Colorado ในงาน Motor Expo ผมแปลกใจนิด ๆ ว่าทำไมพนักงานขายไม่ค่อยเข้ามาหาเหมือนค่ายอื่น มาทราบเอาทีหลังว่าก็เพราะของแถมที่ยังคงแห้ง ๆ เหี่ยว ๆ เหมือนเดิมทำให้พนักงานให้ความสนใจกับลูกค้าที่มาดูรถประเภทอื่นมากกว่า

สองตีนหาได้มีไว้เหยียบคันเร่งอย่างเดียวถ้าพนักงานไม่มากูก็เดินไปหาเองได้

เรื่องในกรอบ ๖ – บทสนทนา ๒

"สวัสดีครับ สนใจจะซื้อรุ่นที่ตะแคงอยู่เนี่ยครับ อยากทราบว่ามี Campaign อะไรบ้างครับ"

"ครับ รุ่นนี้มีของแถมในวงเงิน ๕,๐๐๐ มันเป็นรถรุ่นใหม่ครับ เลยยังไม่ค่อยแถมอะไรมาก"

"แล้วอัตราสิ้นเปลืองของรุ่น ๒.๕ ต่างจาก ๒.๘ มากไหมครับ"

"๒.๘ นี่ประหยัดกว่าครับ เซลล์ทดสอบกันที่เขาใหญ่วิ่งได้ ๓๐ กิโลลิตร"

"........................."


ผมก็เคยเห็นกระทู้บนเว็ปเหมือนกันเกี่ยวกับอัตราสิ้นเปลืองแบบเว่อร์ ๆ นี้ ซึ่งคนที่มีสติปัญญาในระดับปรกติก็คงจะคิดได้ว่ามันคือการขับแบบเข้าเกียร์ว่างแล้วปล่อยให้ไหลลงเขา


..............................................................


"สวัสดีครับอยากทราบอัตราสิ้นเปลืองของรุ่น ๒.๕ และ ๒.๘ ครับ"

"ของรุ่น ๒.๕ อยู่ที่ ๑๕๐ แรงม้า รุ่น ๒.๘ อยู่ที่ ๑๘๐ แรงม้าครับ"

"........................."


..............................................................


"สวัสดีครับอยากทราบอัตราสิ้นเปลืองของรุ่น ๒.๕ และ ๒.๘ ครับ"

"ค่า เอ่อ หนูก็ยังไม่มีข้อมูลค่า แต่เดี๋ยวหนูไปตามผู้จัดการให้นะคะ พี่เขาน่าจะตอบได้"


"สวัสดีครับสนใจดูตัวไหนอยู่หรอครับ"

"กำลังเปรียบเทียบระหว่างรุ่นขับสี่ของ ๒.๕ กับ ๒.๘ ตัวที่ตะแคงอยู่นั่นอะครับ คือ ๒.๘ ตัวท็อปดูน่าสนใจกว่า แต่ถ้ามันกินน้ำมันกว่าเยอะผมก็ไม่ไหว"

"ไม่ต่างกันมากหรอกครับ ตอนที่ไปลองที่เขาใหญ่ก็ขับกันได้ ๑๓ กิโลลิตร แต่ถ้าขับดี ๆ อาจได้มากกว่านั้น"


ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผู้จัดการคนนั้นจริงเท็จเพียงใด แต่มันมีความเป็นไปได้มากกว่าสิ่งที่เซลล์คนแรกพูด

"มันแพงกว่าก็จริงนะครับ น้องซื้อไปขับเองใช่ไหม รถคันนึงมันอยู่กับเราเป็นสิบปีนะครับ ถ้าเราเอาตัวที่ถูกกว่ามาพอได้รถเราก็จะมองแต่ส่วนที่มันด้อยกว่า คนเราจะซื้อรถกันสักที่คันครับ ไหน ๆ ก็เสียเงินเยอะทั้งทีก็เลือกรุ่นที่เราชอบที่สุดดีกว่าครับ"

นี่คือวรรคทองสำหรับวันนั้นเลยทีเดียว มันเป็นการโน้มน้าวให้ผมเสียตังค์อย่างมีชั้นเชิงมากทีเดียว


"ถ้าซื้อกับพี่แล้วจะแถมอะไรบ้างครับ"

"ตอนนี้ยังไม่มีอะไร มันนโยบายของทางบริษัทแม่ครับ แต่ถ้าน้องรอได้เนี่ย คิดว่าไตรมาสที่สองน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแผนส่งเสริมการขายครับ"

"พี่มีนามบัตรไหมครับ"


"เอาของน้องเค้าไปดีกว่าครับ"

ผู้จัดการศูนย์แสดงความเป็นมืออาชีพไม่แย่งลูกค้าจากพนักงานตัวเอง

"โห ศูนย์ปทุมฯ โคตรไกลเลย ตอนหัวหน้าแฟนผมซื้อ Captive พนักงานขับมาส่งถึงที่เลย พี่ทำแบบนั้นได้ไหม"

"ได้ครับไม่มีปัญหา"


ไม่กี่วันหลังจากนั้นผมโทรไปคุยกับน้องที่เป็นที่ปรึกษาการขายจากศูนย์ปทุมฯ ผมบอกเธอแบบตรง ๆ ว่าผมตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะถอยรุ่น 2.8L 4WD X-cab LTZ Z71 หากเธอสามารถให้อะไรได้มากกว่าของแถมในงบ ๕,๐๐๐ ก็สามารถปิดการขายได้เลย แต่เธอก็ไม่เคยติดต่อกลับมาทั้ง ๆ ที่ผมให้โอกาสเธอเป็นคนแรก หากเธอยอมเสียกำไรไปบ้างสิ่งที่เธอได้ย่อมคุ้มค่ากว่าอย่างไม่ต้องสงสัย คงจะเป็นเช่นนี้เองที่คนโบราณบอกว่า ตกปลาอย่าเสียดายเหยื่อ

ย้อนกลับมาที่งานอีกครั้ง ระหว่างที่ผมกำลังลูบ ๆ คลำ ๆ New Colorado ที่จอดเป็นพระเอกอยู่ในงาน จู่ ๆ ก็มี Pretty เดินตัดหน้าพร้อมเบ่งนมใส่ นี่มันช่างไม่รู้จักกาลเทศเสียจริง ไม่เห็นหรือไงว่าแฟนกูยืนอยู่ข้าง ๆ ช่างภาพขอให้ผมและลูกค้าท่านอื่นถอยออกมาก่อนเพราะจะถ่ายรูป Pretty ยืนเบ่งนมยัดซิลิโคน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า Chevrolet เห็นลูกค้าหรือนมปลอมสำคัญกว่ากัน

ซุ้ม Nissan อยู่ติดกับ Chevrolet ผมแวะไปยลโฉม Navara ที่ทำ Minor Changes มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ มันถูกใจผมมากขึ้นโดยเฉพาะเบาะนั่งที่เปลี่ยนจากสีเบจ (น้ำตาล) มาเป็นสีเทาดำทำให้ห้องโดยสารดูมีระดับอีกทั้งยังช่วยพรางคราบสกปรกได้อีกด้วย ภายในยังเพิ่มกล้องมองหลัง และ Bluetooth โดยนำไมค์โครโฟนมาติดตั้งบนหน้าปัทม์หลังพวงมาลัยซึ่งออกจะดูเกาะจะลูกตาอยู่บ้างแต่เป็นไปได้ว่าด้วยตำแหน่งที่ใกล้ปากกว่าของรถรุ่นอื่นมันก็น่าจะทำให้เสียงพูดชัดเจนกว่าใคร เครื่องยนต์ยังคงเป็นตัวเดิมแม้จะใช้มาหลายปีแล้วแต่ก็ถือว่าไม่น้อยหน้าพวก All New ทั้งหลาย พนักงานขายก็จริงใจมากเป็นมืออาชีพให้ของแถมมากมายจนผมเกือบจะใจอ่อนถ้าไม่ติดที่ว่าราคาของมันขยับขึ้นมาเป็นแปดแสนกว่า หลังจากที่ผมลงจากรถพนักงานขายอีกคนเข้าเสียบทันที พ่อหนุ่มเริ่มบทสนทนาตามสันดานเซลล์ว่า

"พี่จะเอารุ่นนี้หรอครับ ถ้าซื้อกับผมรับรองว่าของแถมมากกว่า เพราะศูนย์ผมเป็น Dealer ใหญ่"

"แล้วแถมอะไรบ้างละครับ"

"ตอนนี้ยังบอกไม่ได้นะครับเพราะเป็นข้อมูลภายใน แต่ถ้าพี่จองกับผมเมื่อไรก็จะบอกได้ครับ"

นี่เองละมั้งที่เรียกว่าสันดานเซลล์พันแท้

ผละจากพนักงานนรกนั่นได้ผมก็แวะมาที่ Isuzu เพียงเพื่อจะตอกย้ำว่าผมคิดถูกแล้วที่จะไม่เอารถค่ายนี้ ชอบ Isuzu ตรงที่จ้างสาวแนะนำรถที่ดูฉลาดและมีการศึกษากว่าหลาย ๆ ค่าย

"สวัสดีคะ พี่สนใจสินค้ารุ่นไหนอยู่คะ"

"อยากดูรถ Space Cab รุ่นขับสี่ครับ"

"อะไรนะคะ"

"จะดูรถตอนครึ่งรุ่นขับสี่ตัวท็อปครับ"

"อ๋อ V-Cross" เธอพูดเสียงสูงพร้อมทำหน้าเหมือนโทษผมหน่อย ๆ ว่าเรียกชื่อรุ่นไม่ถูก

[โถ...แม่หนู ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันเรียกว่า V-Cross แต่นี่ไม่รู้จริง ๆ หรอว่า Isuzu เรียกรถตอนครึ่งของตัวเองว่า Space Cab จะว่าไปเธอก็เป็นถูกจ้างมาเฉพาะกิจละครับ เวลาถามอะไรทีก็ต้องดูโพยทีอันนี้ก็พอเข้าใจ แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่เบ่งนมใส่ตอนที่แฟนผมยืนอยู่ข้าง ๆ]

การได้สัมผัส V-Cross 2 ประตูรุ่น VGS Z-Prestige ก็เป็นอีกสิ่งที่ตอกย้ำว่าผมคิดถูกแล้วที่จะไม่คบกับ Isuzu แม้มันจะถูกกว่าคู่แฝดอยู่ ๓๙,๐๐๐ แต่ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอลอันเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นใหม่กลับไม่ปรากฏอยู่ในรถคันนี้ การตกแต่งภายใน เช่น ข้างประตู เบาะนั่ง หน้าปัทม์ หัวเกียร์ ดูด้อยกว่าคู่แฝดตัวท็อปอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งระบบความปลอดภัยก็แทบจะไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะมันแทบจะไม่มีสักอย่างไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว (TCS) และระบบช่วยเบรกขณะเข้าโค้ง (Cornering Break Control) มีอยู่เพียงสองอย่างคือถุงลมนิรภัยข้างซ้ายและขวา (ซึ่ง Mazda ให้มาข้างเดียว) อย่างไรก็ตามสิ่งที่ Isuzu ให้มากกว่าคือระบบนำทางและเครื่องเล่น DVD ที่คอนโซลหน้าอันจะช่วยทำลายสมาธิระหว่างการขับรถได้เป็นอย่างดี

จนถึงปัจจุบันยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าคนขับ D-Max จะสามารถเปลี่ยนระบบควบคุมอุณหภูมิให้เป็นแบบดิจิตอลได้ ในขณะที่คนขับ New Colorado สามารถติดตั้งเครื่องเล่น DVD และระบบนำทางได้ แต่แพงฉิบหาย

ผมทดลองเปิด ปิด ประตูและฝาปิดกระบะอยู่หลายรอบจนกล้าฟันธงว่าของ Chevrolet แข็งแรงกว่าทั้ง ๆ ที่ดูจากภายนอกแล้วมันเหมือนกัน

เสียดายที่ผมไปถึงช้าไปจึงไม่มีโอกาสได้ทดลองขับ แต่ผมคิดว่าข้อมูลที่ผมได้ในวันนี้เพียงพอสำหรับการตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย

โปรดติดตามภาคสุดท้าย

กว่าจะเป็นรถคันแรก – เรื่องยาวที่ยังไม่จบ ตติยภาค

ถอยหลังเพื่อเริ่มต้นใหม่

ผมเดินออกจากงานโดยพูดอะไรไม่ออกชนิดที่ตังค์อยู่ครบ พยายามนึกให้อภัย Ford ว่าอาจไม่พร้อมสำหรับงานนี้ที่รัฐบาลเร่งจัดขึ้นตัดหน้า Motor Expoเพื่อเอาใจฐานเสียง ผมแอบหวังลึก ๆ ว่าบางทีงานหน้า Ford อาจมาเต็ม

ไหน ๆ ก็เสียเวลามาแล้วผมจึงแวะดูซุ้มของ Nissan ก่อนกลับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับ 4x4 ของค่ายนี้อย่างใกล้ชิด ผมเพิ่งรู้ว่าไฟหน้าแบบ Xenon นั้นสามารถปรับสูงต่ำจากภายในรถได้ด้วย นี่เป็นสิ่งที่ถูกใจผมมากเพราะในฐานะที่ขับรถเล็ก ๆ มานานย่อมเข้าใจถึงความลำบากของคนขับรถเล็กด้วยกันว่าเวลาที่สวนทางกับพวกรถยกสูงนั้นมันแสบตาเพียงไร ด้วยความที่รถยังไม่มีอะไรใหม่ทางค่ายจึงลบจุดอ่อนด้วยการแจกของแถมแบบชนิดลดกระหน่ำเลยทีเดียว เช่น พื้นปูกระบะ ประกันชั้นหนึ่ง คอกสแตนเลส ค่าจดทะเบียน ฟิล์มกรองแสง ฯลฯ พนักงานขายที่พบในงานนั้นเก่งกว่าคนแรกที่เจอที่ศูนย์บริการมาก ๆ จนผมคิดว่าบางทีอาจจะรีบถอย Nissan มาให้ทันงานพืชสวนโลกในเดือนธันวาคม ติดอยู่อย่างเดียวคือราคา ๗๘๕,๐๐๐ ที่ทำให้ผมต้องคิดอย่างรอบคอบ

ระหว่างกลับทางได้เผอิญไปเห็นเห็นด้านข้างของ Chevrolet Colorado สีขาวคันหนึ่งซึ่งดูแตกต่างไปจากรุ่นเก่าไม่น้อย มันดูหล่อกว่าตัวเก่ามาก ขัดตาอยู่นิดหน่อยคือกระโปรงหน้ายาวจนสงสัยว่าจะกะระยะได้อย่างไร แต่ด้วยความที่มันเป็นญาติกับ Isuzu ผมจึงไม่คิดจะดูต่อให้เสียเวลา

ผมกลับบ้านมาแบบเซ็ง ๆ และใช้เวลาพิจารณารถจากค่ายต่าง ๆ อีกครั้ง บางทีผมอาจจะมีอคติกับ Isuzu และ Chevrolet มากเกินไปจนลืมไปว่า "แมว" ที่ดีคืออะไร คืนนั้นผมพยายามหาข้อมูลจากทั้งสองค่ายให้มากที่สุดแล้วก็ประทับใจมากกับนโยบายของ Chevrolet ที่นำรถ Show truck มาเปิดตัวและเตรียมจำหน่าย New Colorado ในประเทศไทยเป็นที่แรกซึ่งผู้บริการยังกล่าวว่า "นี่คือรถกระบะที่ผลิตโดยคนไทย เพื่อคนไทย" นี่ถือว่าเป็นการให้เกียรติลูกค้าในตลาดกระบะขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ ผมตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะกลับไปที่งานรถคันแรกอีกครั้ง เพื่อดู Chevrolet เท่านั้น!

เรื่องในกรอบ ๓ – รถต้นแบบ (prototype) ปลาเป็นตัวเดียวในบ่อเน่า

เป็นเรื่องปรกติในมหกรรมยานยนต์ที่แต่ละค่ายจะขนรถต้นแบบที่ไม่คิดจะผลิตในเชิงพาณิชย์ในอนาคตอันใกล้หรือไม่คิดจะผลิตเลยมาแสดง


"แล้วมันจะทำมาทำห่าอะไร" ผมได้ยินเสียงผู้อ่านตะโกนอย่างขุ่น ๆ มาไกล ๆ


มันก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างภาพละครับที่ทำให้ผู้บริโภคคิดไปเองว่าสินค้าที่ตนเองซื้อไปนั้นก็คล้าย ๆ กับสินค้าต้นแบบ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ใกล้ความจริงเอาเสียเลย ตัวอย่าง เช่น คนที่ซื้อรถ Mitsubishi Lancer EX ก็อาจรู้สึกว่าสินค้าของตนนั้นให้อารมณ์เสมือนการได้ขับรถแข่ง Rally รุ่น Evolution อันเคยโด่งดัง เพราะใช้เครื่องยนต์รหัสเดียวกันอีกทั้งยังสามารถแต่งให้ดูเหมือนรถแข่งได้ มันก็เหมือนได้ในระดับหนึ่งละครับเอาเข้าจริงส่วนประกอบเกือบทั้งคันของรถที่ใช้แข่งนั้นต้องทำขึ้นมาเป็นพิเศษ


จะว่าไปก็เหมือนกับพวกโรงเรียนชื่อดังทั้งหลายที่ชอบอวดกันเหลือเกินละครับว่าเป็นเลิศทางวิชาการมีนักเรียนสอบได้เหรียญโอลิมปิคอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ถามจริง ๆ เถิดครับว่ามีนักเรียนกี่คนจากทั้งโรงเรียนทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่ทำเช่นนั้นได้ ความจริงเป็นอย่างไรย่อมรู้กันอยู่ เด็ก prototype พวกนี้มีจริงทว่ามีอยู่น้อยเหลือเกิน หากคิดตามหลักสถิติเด็กพวกนี้ไม่สามารถนำมาใช้เพื่อแสดง (represent) คุณลักษณะของประชากรทั้งหมดได้เลยเผลอ ๆ จะเป็นค่าที่จะถูกตัดออกจากการคำนวณด้วยซ้ำ แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงอีกด้านด้วยว่าโรงเรียนจำพวกนี้มิใช่หรือที่พวกผู้ปกครองปรารถนากันเหลือเกินที่จะนำบุตรหลานเข้าเรียนให้ได้


นึกถึงคำพูดหากินของพวกครู ไม่ใช่สิพวกเขาชอบเรียกตัวเองว่าอาจารย์ ที่มักจะแขวะเด็กที่ไม่ทำอะไรตามมาตรฐานจริยธรรมที่ครูอาจารย์ตีกรอบเอาไว้ว่า "เธอก็เหมือนกับปลาเน่า ที่จะทำให้เพื่อน ๆ เน่าตามไปทั้งบ่อ"


บางทีพวกเด็กเทวดาที่อยู่ขั้วตรงข้ามก็อาจจะเป็นปลาเป็นเพียงตัวเดียวที่ทำให้บ่อเน่าดูดีขึ้นก็เป็นได้


Chevrolet ที่จำหน่ายในบ้านเรามาเต็มเกือบทุกรุ่นโดยไม่ตัดเสป็คให้ผิดหวังเหมือน Ford Ranger ที่เปิดจองเพียงสามรุ่นและนำมาแสดงเพียงคันเดียว เชฟนำรุ่น Colorado X-Cab (ตอนครึ่ง) ที่ผมต้องการมาเปิดตัวหลายรุ่นมากจึงทำให้ผมอยากจะคลิก Like ให้อีกสักครั้ง รูปลักษณ์ภายนอกถือว่าหล่อเหลาเลยไม่น้อยหน้าใคร แต่รถค่ายนี้ไม่มีบันไดข้างให้แม้จะเป็นรุ่นยกสูงหรือแม้แต่ขับสี่ พยายามมองในแง่ดีว่าผมก็แทบจะไม่ค่อยได้เหยียบมันเท่าไรและก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเป็นอุปสรรคยามเมื่อต้องปีนป่าย ไฟหน้าและกระจังหน้าช่วยเสริมบุคลิกของมันได้เป็นอย่างดี ในรุ่น LTZ จะมีความพิเศษคือ กระจกข้างโครเมียมสามารถพับด้วยไฟฟ้า ส่วนไฟท้ายมาพร้อมกับหลอด LED และกันชนชุบโครเมียม ฝาปิดกระบะพิเศษกว่าเพื่อนคือมันล็อคได้ ส่วนตัวยึดฝาปิดกระบะของทุกรุ่นยังคงเป็นโลหะเช่นเดียวกับคู่แฝดในขณะที่ค่ายอื่นหันไปใช้สลิงกันหมดแล้ว สำหรับรุ่น ๔x๔ จะมีคิ้วกันกระแทกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน การออกแบบภายในดูเหมือน New Isuzu ตั้งแต่เบาะนั่งยันขอบประตู พนักงานขายพยายามบอกว่าตัวเก่านั้นเอามาจาก Isuzu แต่ตัวใหม่นี้ Isuzu ขอแชร์การออกแบบจาก Chevrolet ความจริงคือทั้งสองค่ายลงนามพัฒนารถกระบะร่วมกัน ถ้าจะอ้างว่าใครลอกใครนั้นก็คงจะไม่ถูกเท่าใดนัก พนักงานขายทุกคนล้วนพูดว่า New Colorado ไม่เหมือน D-Max แล้วซึ่งในความเป็นจริงเป็นอย่างไรนั้นก็ขอให้ดูจากภาพข้างล่างเอาเอง อย่างไรก็ตามผมกลับมองว่านี้เป็นจุดแข็งของ Colorado ที่ลูกค้าสามารถหาซื้ออะไหล่หลายชิ้นได้จากศูนย์บริการของ Isuzu ที่มีอยู่พอ ๆ กับป้ายสุวรรณภูมิโดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรออะไหล่เป็นชาติเหมือนกับรถรุ่นอื่น ๆ ของค่ายนี้

ที่ต่างกันแบบชัด ๆ คือหน้าปัทม์ของ Chevrolet (ที่ลอกมาจากเก๋งรุ่น Camaro ที่แปลงร่างเป็น Bumble Blee ใน Transformer ส่วนของ Isuzu หน้าปัดไม่สวยเท่าแต่หลายคนบอกว่าอ่านง่ายกว่า) ปุ่มปรับความสูงของไฟหน้าและไฟตัดหมอก (ไม่แน่ใจว่า Isuzu ทำได้หรือไม่) ปุ่มรูปน้ำแข็งตรงเครื่องปรับอากาศ (ของ Isuzu เป็นปุ่มเปล่า) แต่ที่ Isuzu ใจดีกว่าคือติดจอ DVD แบบสัมผัสพร้อม Navigator มาในรถหลายรุ่นด้วย ถ้าสาวก Chevrolet อยากได้ต้องจ่ายอีก ๓๙,๐๐๐

มีรถสามรุ่นที่ตรงกับการใช้งานของผมคือ 2.5L 4WD LT Z71, 2.8L 4WD X-cab LT Z71และ 2.8L 4WD X-cab LTZ Z71 ผมเห็นว่าม้า ๑๕๐ ตัวและแรงบิด ๓๕๐ นิวตันที่มากับเครื่อง Duramax จากรุ่น 2.5L 4WD LT Z71 ที่ราคา ๗๓๐,๐๐๐ ก็เหลือเฟือสำหรับงานบรรทุกเป็นตันและการลุยทั่วไทย อีกทั้งมันยังเหมาะกับยุคที่น้ำมันขึ้นเอา ๆ เสียอยู่ที่อุปกรณ์ความปลอดภัยหลายอย่าง เช่น ถุงลมนิรภัย ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล (Traction Control System) และระบบช่วยเบรกขณะเข้าโค้ง (Cornering Break Control) ไม่มีอยู่ในรถรุ่น LT ทั้งหมด นอกจากนั้นการตกแต่งภายในที่สวยงามทันสมัยมีเฉพาะในรุ่น 2.8 LTZ พูดตรง ๆ ก็คือนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วรุ่น 4WD LT ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ไปกว่ารถกระบะทั่วไป

นี่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผู้บริโภคที่ต้องการสมรรถนะ ความประหยัด รูปลักษณ์ภายในที่ทันสมัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจะมีตัวเลือกเพียงรุ่นเดียวคือ 2.8L 4WD X-cab LTZ Z71 ซึ่งมากับอัตราสิ้นเปลืองที่มากกว่าและมีพละกำลังเกินความจำเป็น ซึ่งหากจะโฆษณาว่ารถของตนนั้นประหยัดก็ควรจะทำตัวท็อปในเครื่องยนต์รุ่นเล็กด้วย New Colorado ต่างจากตัวก่อนที่มีรุ่นท็อปสำหรับเครื่องยนต์ขนาด 2.5 เชื่อว่าหาก Chevrolet ผลิตรุ่น 2.5L 4WD X-cab LTZ Z71 ยอดขายรถขับเคลื่อนสี่ล้อก็คงจะมากกว่าในปัจจุบันและการตัดสินใจของผมก็อาจจะสิ้นสุดลงในวันนั้น
อีกเรื่องน่าเสียดายคือระบบล็อกเฟืองท้ายอัตโนมัติ (G80 Diff-Lock) อันเป็นอุปกรณ์เสริมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Colorado ไม่ปรากฏอยู่ในรถรุ่นใหม่นี้

กลับมาเปรียบเทียบกันต่ออีกครั้ง รถรุ่น 2.5 LT ต่างจากรุ่น 2.8 LTZ ที่มาเต็มด้วยราคา ๘๕๒,๐๐๐ ซึ่งสูงกว่าที่ผมวางแผนเอาไว้ ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้าว่ารถกระบะมือหนึ่ง 4x4 ที่บ้านซื้อมาด้วยราคาเพียงหกแสนเศษ ๆ เมื่อสี่ปีที่แล้ว นอกจากนั้นรถรุ่นท็อป ของ X-cab ก็ยังไม่มาเปิดตัวงานผมจึงไม่สามารถเปรียบเทียบด้วยตาตัวเองได้

แม้สินค้าจะดูน่าสนใจมากแต่นโยบายการตลาดกลับทำให้ความน่าสนใจของสินค้าลดน้อยลงไป งบของแถมสำหรับ New Colorado มีเพียง ๕,๐๐๐ บาทซึ่งต่างกับค่ายอื่นที่มาเป็นหมื่น หากถามพนักงานขายพวกเขาก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันแบบนกแก้วว่า "เพราะเป็นรถใหม่ แต่ยังไงก็ขอแนะนำให้รีบจองเพราะจะได้ไม่ต้องรอนาน" (ประโยคหลังไม่ได้ถามแต่พูดเหมือนกันทุกคน) ลองคิดดี ๆ ว่าทำไมรถที่ใหม่พอกัน เช่น Ford จึงมีของแถมให้มากกว่าหลายเท่า เพราะฉะนั้นเวลาที่เปรียบเทียบราคารถค่ายนี้กับค่ายอื่นก็ควรจะบวกราคาอุปกรณ์แต่งรถสักหนึ่งถึงสองหมื่นบาทที่ราคาขายด้วย

ผมอยากได้พื้นปูกระบะมากที่สุดเพราะต้องนำรถมาใช้งานทันทีแต่ไม่มีพนักงานขายคนไหนรับปากว่าจะแถมให้ ในเวลานั้นไม่มีใครรู้ว่าพื้นปูกระบะของรถกระบะรุ่นใหม่จะมีจำหน่ายเมื่อไหร่และราคาเท่าไรจึงทำให้ลูกค้าอย่างผมไม่สามารถจบการตัดสินใจที่นี่ได้ ต่างจากรถคู่แฝดอย่าง Isuzu ที่สามารถสั่งพื้นปูกระบะให้มาพร้อมรถได้เลย อีกอย่างหนึ่งที่ผมกังวลไม่แพ้กันคือขนาดกระบะที่ทางค่ายยังไม่เปิดเผยข้อมูล เนื่องจากผมต้องการนำรถไปติดคอกแสตนเลสเพื่อบรรทุกของหากว่าขนาดกระบะมันต่างจากเพื่อนมากการหาอุปกรณ์แต่งชิ้นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย...นอกเสียจากว่ามันจะมีขนาดเท่ากับรถเจ้าตลาดซึ่งเป็นรถคู่แฝดอย่าง Isuzu

Isuzu มาเต็มเช่นเดียวกันเพราะถือโอกาสใช้งานนี้ประชาสัมพันธ์รถรุ่น All-New Isuzu ไปด้วย มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงหลังจากที่โดนค่ายอื่นแขวะมานาน รูปลักษณ์ภายนอกดูโฉบเฉี่ยวแปลกตา ในรุ่น ๔x๔ ไม่มีคิ้วกันกระแทกให้มาเหมือนรถคู่แฝด ติงอยู่อีกอย่างที่ไฟท้ายบานออกไปด้านข้างมากจนเลยกันชนซึ่งเสี่ยงต่อการแตก ฝาปิดกระบะนั้นเบากว่าของ New และเคย New Ranger อย่างเห็นได้ชัดหนำซ้ำยังเบากว่าของรถคู่แฝดอีกด้วยซึ่งก็เป็นเรื่องก็น่าคิด กล่าวโดยรวมมันดูน่าสนใจขึ้นมากแต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบการออกแบบแนวนี้เสียเท่าไร การออกแบบภายในก็คล้ายกับ Chevrolet จนถ้าไม่มองไปที่หน้าปัทม์ก็แทบจะแยกไม่ออกเลยว่านี่คือ New Isuzu หรือ New Colorado ข้อดีของ Isuzu คือใจดีให้จอ DVD และ Navigator มาในรถหลายรุ่น ส่วนข้อเสียอยู่ที่หัวเกียร์ของรุ่น Top ของ Isuzu ดูเหมือนของ Colorado รุ่นธรรมดา อีกทั้งการเลือกโทนสีของหน้าปัดและไฟบนปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศทำให้ภายในดูเป็นรถถูก ๆ เข้าใจว่า Isuzu จะต้องเลี่ยงไม่ใช้สีให้เหมือนรถคู่แฝด แต่การนำสีแดงมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อแบบนี้มันสร้างบรรยากาศตึงเครียดในห้องโดยสารและที่แย่ที่สุดคือในยามคับขันอาจเผลอกดปุ่มควบคุมอุณหภูมิแทนปุ่มไฟฉุกเฉิน

แม้จะบอกว่าเป็น All New แต่ Isuzu ยังคงใช้เครื่องเดิมเพียงแค่ใส่เทอร์โบแปรผันลงไป มันจึงยังคงเป็นเครื่อง Generation 3.5 ไม่ใช่ Generation 4 ซึ่ง Isuzu ยังคงไม่ทิ้งลายความอืดโดยจัดมาเพียง ๑๓๖ แรงม้าในรุ่น 2.5 VGS ถือว่าน้อยที่สุดในกลุ่ม All New ของทุกค่าย Isuzu พยายามกลบเกลื่อนประเด็นนี้ด้วยการนำข้อมูลด้านสมรรถนะเป็นเรื่องท้าย ๆ และพยายามชูประเด็นเรื่องอากาศพลศาสตร์ ถ้าเปรียบรถเป็นแมวแทนที่คนขายจะบอกว่าแมวตัวนี้กล้ามใหญ่จึงวิ่งเร็ว Isuzu กลับบอกว่าแมวของตนหัวแหลมจึงวิ่งเร็วและไม่ค่อยหิว

แต่ Isuzu ทำได้ไม่เลวในรุ่น 3.0 VGS ที่ ๑๗๗ แรงม้า อย่างไรก็ตามแม้ว่ารุ่น 2.5 VGS มีพละกำลังน้อยที่สุดในปัจจุบันเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันแต่อย่าลืมว่าถ้าย้อนกลับไปเพียงไม่กี่ปีพละกำลังขนาดนี้ก็ถือว่าไม่น้อยสำหรับเครื่องยนต์ขนาด 2.5 หากกล่าวถึงรุ่น 3.0 VGS ก็ถือว่าแรงกว่าเครื่อง 3.0G ของ Toyota Vigo ด้วยซ้ำ (แต่เชื่อว่าคงได้อีกไม่นาน)

ด้านความปลอดภัยก็ถือว่าใกล้เคียงกับ Colorado เพราะมาจากโครงสร้างพื้นฐานเดียวกันอีกทั้งยังใช้การผลิตและอะไหล่ร่วมกัน แต่ที่ Colorado ให้มากกว่าแน่ ๆ ก็คือคานขวางเสริมแรงที่มีมากสุดถึง ๘ จุดสำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อในขณะที่ Isuzu มี ๗ จุดทุกรุ่น ส่วนระบบความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล (Traction Control System) ไม่มีในรุ่น Space Cab ทุกรุ่น ส่วนระบบช่วยเบรกขณะเข้าโค้ง (Cornering Break Control) ไม่มีในทุกรุ่น


สิ่งที่ Isuzu ทำได้ดีกว่า All New ทั้งหลายที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันคือความพร้อมของอุปกรณ์แต่งเสริม เช่น กล้องมองภาพด้านหน้า กันแมลงฝากระโปรงหน้า คิ้วกันสาด พื้นปูกระบะ อุปกรณ์ยึดจับจักรยาน ฯลฯ ซึ่งสิ่งนี้เองที่สะท้อนถึงความพร้อมของค่ายเป็นอย่างดี

ระหว่างที่ผมเขียนบทความบรรทัดนี้ Isuzu ยังไม่ได้ใช้ดารา นักร้อง นักร้องขับรถผ่าไฟแดงชนคน หุ่นยนต์ นาฬิกา มาเป็น presenter ซึ่งผมว่าเป็นความประหยัดที่เข้าท่า อะไรจะดีไปกว่าการให้ผลิตภัณฑ์ขายได้ด้วยคุณภาพของมันเอง

ตอนนี้ผมเริ่มมอง Isuzu เป็นอีกตัวเลือกโดยนำรุ่น V-Cross 2 Doors 2.5 VGS 4x4 มาเปรียบเทียบกับ 2.5L 4WD LT Z71 ของ Chevrolet ซึ่ง Isuzu ขายอยู่ที่ราคา ๗๓๒,๐๐๐ บาทมากกว่าคู่แข่งอยู่ ๒,๐๐๐ บาทแต่สิ่งที่ V-cross ให้มากกว่าคือไฟหน้าแบบ Projector ลำโพง ๖ ตัว (ของ Colorado มีเพียง ๒ ตัว) กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนได้ สัญญาณกันขโมย และระบบกันกระจกไฟฟ้าหนีบด้านคนขับ ถ้าผมทำใจยอมรับเครื่องยนต์เดิม ๆ การออกแบบภายในที่ดูขัดสายตา และความเสี่ยงที่เพื่อนบ้านจะยืมรถไปใช้ ส่วนต่าง ๒,๐๐๐ บาทของ Almost New Isuzu ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

Chevrolet และ Isuzu ตัวใหม่ทำให้ผมเริ่มปันใจออกห่าง Mazda BT-50 ที่ดูเก่าไปทันที แต่ถึงกระนั้นก็ผมก็เฉลียวใจว่าถ้า Ford ออกกระบะรุ่นใหม่ Mazda ก็น่าจะทำเช่นเดียวกัน ผมโฉบไปถามพนักงานขาย Mazda ซึ่งก็ยืนยังว่าจริงแต่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดตัวเมื่อไร พนักงานบอกให้ผมลองกูเกิลดู

รถรุ่นใหม่ดูแปลกตาไปกว่าตัวก่อนมากด้วยไฟหน้าที่แหลมกว่า All New Isuzu แต่ไฟท้ายนั้นมันช่างดูไม่เข้ากับรถกระบะเอาสักเท่าไหร่เพราะขนาดที่ใหญ่เกินเหตุและการวางตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการกระแทก ที่สำคัญที่สุดผมยังไม่รู้ว่า BT-50 จะเริ่มผลิตเมื่อไร ดังนั้น Mazda จึงถูกเก็บไว้เป็นตัวเลือกท้าย ๆ

Idiotic Risk!

เมื่อตัด Ford และ Mazda ออกไปก็ยังเหลือ Toyota ซึ่งในตอนนั้นได้รับผมกระทบจากปัญหาน้ำท่วมจนต้องหยุดการผลิตชั่วคราว นอกจากนั้น Toyota ยังเอานักบอลกร่าง ๆ อย่างโรนัลโดมาเป็น Presenter ความรู้สึกของผมต่อ Vigo จึงเปลี่ยนไปในเชิงลบ ตัวเลือกของผมจึงเหลืออยู่ ๓ ค่ายระหว่าง Chevrolet, Nissan และ Isuzu ด้วยความรู้สึกผมชอบ Chevrolet แต่ด้วยเหตุผลผมกลับชอบ Nissan

Chevrolet รุ่น 2.5 มาในราคาที่เบากว่า Nissan อยู่ ๕๕,๐๐๐ บาทพร้อมกับการออกแบบที่ทันสมัยและความประหยัด ส่วน Nissan 4x4 มาพร้อมกับความปลอดภัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น ถุงลมนิรภัย ปุ่มปรับระดับสูงต่ำไฟหน้าจากภายใน กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ กล่องเก็บแว่นตา หน้าจอ DVD ปุ่มล็อคความเร็วที่ทำได้ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และงบแต่งอีกร่วมสองหมื่นบาทซึ่งก็เพียงพอที่จะชดเชยความต่างของราคา

เมื่อคิดไม่ตกผมจึงตั้งใจว่าจะไปเก็บข้อมูล New Colorado เพิ่มเติมในวันเปิดตัวที่ศูนย์บริการกลางเดือนตุลาคม เช้าวันนั้นเจ้าหน้าที่ประจำหนังสือหน้า (Facebook) ของ Chevrolet ยังประกาศเชื้อเชิญบนกำแพงให้ผู้สนใจไปเยี่ยมชมรถรุ่นนี้ได้ที่ศูนย์บริการทั่วประเทศ แต่เมื่อผมไปถึงสิ่งที่ได้ยินคือคำว่า

"รถยังไม่มาคะ เพราะน้ำท่วมจึงทำให้บริษัทแม่ไม่สามารถขนส่งรถได้คะ"

ผมไม่เข้าใจว่า GM และChevrolet ประสานงานกันภาษาเหี้ยอะไร อย่างไร บน Web กับ Facebook แจ้งข้อมูลอย่างพอมาถึงศูนย์กลับเป็นอีกอย่าง การเลื่อนเปิดตัวรถไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์กลับไม่รู้เรื่อง หนำซ้ำเช้าวันเปิดตัวยังเชิญชวนให้ลูกค้ามาดูอีกหนึ่งความน่าอับอายของ Chevrolet ด้วยตาตัวเอง

ผมไปตั้งกระทู้แสดงความคิดเห็นบนหนังสือหน้าของ Chevrolet เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้ารถมาแล้วจะแจ้งให้ทราบแต่ข้ามปีมาแล้วก็ไม่เคยได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด This bitch is so fucking hopeless!
หากผมไม่ผิดหวังอย่างแรงจาก Ford มาก่อนหน้าผมก็คงจะตีจาก Chevrolet ซึ่งมีฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่แสนจะอับปัญญาเช่นนี้

แฟนผมแนะนำให้คุยกับที่ปรึกษาการขายที่รู้จักเผื่อว่าอาจจะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และส่วนลดที่ดีกว่าในงานรถคันแรก

เรื่องในกรอบ ๔ – บทสนทนา ๑

"สวัสดีครับ สนใจจอง Colorado ตัว X-Cab 2.5 ขับสี่อยู่อะครับ"

"อ๋อ New Colorado รถสวยมากเลยคะ ถ้าชอบตัวขับสี่ก็แนะนำให้รีบจองนะคะเพราะผลิตน้อย"

"แล้วถ้าซื้อกับพี่แล้วมีของแถมอะไรบ้างครับ"

"ได้ของแต่งในวงเงินไม่เกิน ๕,๐๐๐ คะ"

"แค่นี้เองหรอครับ"

"ใช่คะเป็นนโยบายของบริษัท รถของเราเป็นรถรุ่นใหม่คะเลยให้อะไรไม่มาก แต่ถ้าวันที่รับรถมีอะไรเปลี่ยนแปลงลูกค้าก็จะได้ของแถมมากขึ้นนะคะ ยังไงก็แนะนำให้รีบจองคะจะได้รับรถไว ๆ" (เอาเข้าจริงเห็นรับรถกันไปหลายคนแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง)

"งั้นผมขอเป็น Liner ได้ไหมครับ"

"คงจะไม่ได้ละคะเพราะเรายังไม่มีอุปกรณ์ตัวนี้"

"แล้ว Liner นี่จะมาเมื่อไหร่ครับ"

"อันนี้ก็ยังตอบไม่ได้นะคะแต่เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงมีจำหน่าย"

"ใส่ Liner ของตัวเก่าได้ไหมครับ" ผมถามแบบแกล้งโง่

"ไม่ได้คะรุ่นใหม่กว้างกว่ายาวกว่าเยอะเลยคะ กระบะก็ใหญ่ขึ้นเยอะด้วยคะ"

(ความจริงคือกระบะตัวใหม่สั้นลง ๔๕ มิล!)

"อีนี่แม่งมั่วและ" ผมแอบด่าในใจก่อนแย้งไปว่า

"คงไม่ใช่แล้วละครับ ตัวกระบะของรุ่นใหม่สั้นลงประมาณ ๔ มิล"

"แต่รถเรายาวขึ้นนะคะ แสดงว่าห้องโดยสารต้องยาวกว่าเดิม"

(ผมไม่ได้แย้งอะไรในตอนนั้นเพราะยังมีข้อมูล แต่มาทราบภายหลังว่าความยาวห้องโดยสารนั้นลดลง ๘ มิล ที่สั้นลงทั้งกระบะและห้องโดยสารนั้นเนื่องด้วยการออกแบบใหม่ที่ให้พื้นที่ช่วงฝากระโปรงมาก แสดงว่าพนักงานขายคนนี้นอกจากจะไม่ได้ทำการบ้านแล้วยังให้ข้อมูลแบบมั่วๆ นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการที่ความยาวรวมของรถที่มากขึ้นไม่ได้หมายความว่าห้องโดยสารและกระบะจะยาวมากขึ้นด้วยเสมอไป! คนที่สูงกว่าก็ใช่ว่าจะยาวกว่า จริงไหม?)


"งั้นก็ต้องรอ Liner นานสิครับ"

"ไม่หรอกคะ ถ้าจองตอนนี้พอรถมาถึงก็น่าจะมีขายพอดี"

"อีนี่เอาอีกแล้ว...เมื่อกี้เพิ่งจะบอกว่ายังไม่รู้ว่า Liner จะมาเมื่อไหร่" ผมสบถในใจ

"ผมว่าถ้าตัวกระบะมันเท่าเจ้าตลาดอย่าง Isuzu ก็คงหา Liner ได้ไม่ยาก"

"New Colorado กว้างกว่าใหญ่กว่าแน่นอนคะ ไปทดลองขับมาแล้วใหญ่กว่า Isuzu เยอะคะ"

.

.

.

"คือผมจะเอารถไปใช้ขนของเป็นหลักนะครับ ผมจะต้องหาคอกกระบะมาใส่ด้วย ซึ่งถ้าขนาดกระบะมันไม่เหมือนใครเลยเนี่ยเวลาหาของก็คงจะยาก แต่ถ้าขนาดกระบะมันเท่ารถเจ้าใหญ่ ๆ อย่าง Isuzu ก็คงพอหาได้"

"รถ Chevrolet กับ Isuzu ใช้ Platform เดียวกันนะคะ ขนาดกระบะก็น่าจะเท่ากันคะ ถ้าชอบตัวขับสี่ก็แนะนำให้รีบจองนะคะเพราะผลิตน้อย"

.

.

.

บางที New Colorado อาจจะแปลงร่างได้เหมือนใน Transformer

ขออนุญาตไม่บอกนะครับว่าเธอเป็นพนักงานจากศูนย์ที่อยู่ระหว่างโรงบาลยันฮีกับ Lotus จรัญฯ

การสนทนาจบลงแค่นั้นแต่ผมก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือส่วนลดอะไรทั้งสิ้นแม้ว่าจะซื้อด้วยเงินสด แน่นอนว่าเธอจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สอง

ผมจึงส่งอีเมลไปหา Chevrolet เพื่อถามข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวรถ แต่กว่าจะได้ถามนั้นผมจะต้องกรอกข้อมูลห่าอะไรไม่รู้มากมายจนแทบจะลืมไปว่า "นี่กูจะเมลมาถามเรื่องอะไรวะ" ในวันเดียวกันก็มีพนักงานจากบริษัทโทรติดต่อกลับมา ผมเกือบจะประทับใจหากพนักงานไม่ต้องหันไปถามพนักงานคนอื่นสำหรับแทบทุกสิ่งที่ผมถาม และไม่เริ่มทุกประโยคด้วยคำว่า "ในส่วนของ" ซึ่งนอกจากจะน่ารำคาญมาก ๆ แล้วยังเปลืองค่าโทรศัพท์กูด้วย แต่อย่างน้อยก็ถือว่ายังใส่ใจต่างกับ Ford ที่เมลไปแล้วหาย

เรื่องในกรอบ ๕ – ในส่วนของ

วลี "ในส่วนของ" ถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อมาราว ๆ สักสิบปีเห็นจะได้ เรามักได้ยินคำนี้จากพิธีกร ที่เดี๋ยวนี้กระแดะเรียกตัวเองว่า MC และพนักงานรับโทรศัพท์ แต่มีผู้พูดน้อยคนนักที่รู้จักการใช้คำนี้อย่างถูกต้อง พวกเขาสักแต่เพียงนำมาให้เพื่อให้ประโยคดูยาว ๆ เพื่อให้ผู้พูดดูเกือบจะฉลาดขึ้นและยืดเวลาตอบคำถามออกไปอีกหน่อย


ในส่วนของ เป็นการยืมวลีภาษาอังกฤษมาใช้แบบตรง ๆ จากคำว่า 'Regarding to' และ 'In term of' ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมประโยค (Transitional signal) วลีนี้นิยมใช้งานเขียนเมื่อต้องการจะอ้างอิง หรือเมื่อต้องการให้ผู้อ่านทราบว่ากำลังจะเปลี่ยนประเด็น เช่น


Regarding to your purchasing order, we have received it on Wednesday.

ในส่วนของรายการสั่งซื้อสินค้าของคุณเราได้รับแล้วเมื่อวันพุธ


The New Ranger 3.2's engine produces a maximum power of 200 hp. However, in term of torque, this bigger engine cannot do any better than the Duramax engine.

เครื่องยนต์ ๓.๒ ของ New Ranger สร้างกำลังสูงสุดได้ถึง ๒๐๐ แรงม้า อย่างไรก็ตามในส่วนของแรงบิดจากเครื่องยนต์ขนาดใหญ่นี้ไม่ได้ดีกว่าเครื่องยนต์ Duramax เลย


จากสองประโยคตัวอย่างด้านบนหากเราเอาคำว่า 'ในส่วนของออก'ก็จะไม่ส่งผลต่อใจความสำคัญเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังจะทำให้ใจความกระชับขึ้นอีกด้วย หากใช้อย่างถูกต้องมันจะช่วยให้งานเขียนลื่นไหลเข้าใจง่าย แต่หากนำมาใช้ในการสนทนาอย่างพร่ำเพรื่อแล้ว


มันน่ารำคาญมากจริง ๆ เลยทีเดียวนะงะ


ดังที่ได้บอกแล้วว่าด้วยความรู้สึกผมชอบ Chevrolet แต่ด้วยเหตุผลผมกลับชอบ Nissan ขอเพียง Chevrolet ให้อะไรที่เข้าท่ามากกว่ากรอบป้ายทะเบียน แผ่นยางปูพื้น เบาะ Cab การตัดสินใจของผมก็จะจบลงในทันที ผมพอจะได้ข่าวบ้างว่าบางศูนย์ เช่น สุโขทัยให้ประกันชั้นหนึ่ง หรือบางที่ก็ให้พื้นปูกระบะ แต่ช่วงนั้นผมไม่สะดวกที่จะเดินทางออกนอกสถานที่อีกทั้งผมเห็นว่าประกันชั้นหนึ่งนั้นเป็นของแถมที่มีอายุเพียงปีเดียว

เพียงไม่กี่วันหลังจากงานรถคันแรกในเดือนตุลาคมผมก็ทำใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผมจะได้รับรถก่อนงานพืชสวนโลกในช่วงปลายเดือนธันวาคมไม่ว่าจะเป็นญี่ห้ออะไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมจนผู้ผลิตแทบทุกค่ายประสบปัญหาขาดแคลนอะไหล่ Toyota หัวไวกว่าเพื่อนลงทุนโดยแทบจะไม่เสียอะไรด้วยการเอารถให้ช่องสามใช้ ส่วน Honda ก็ไม่น้อยหน้าบริจาคเงินถึง ๑๐๐ ล้าน และเตรียมจะทุบรถโชว์ ถ้าวันนั้น Honda ผลิตรถกระบะผมคงจะถอยรถจากค่ายนี้อย่างแน่นอน ส่วนค่ายอื่นกว่าจะคิดได้ก็สายเสียแล้ว

ไหน ๆ ก็คงจะได้รับรถไม่ทันตามกำหนดที่ตั้งใจว่าหากรอต่อไปอีกสักหน่อยก็คงจะได้เห็นแบบเต็ม ๆ จากทุกค่ายทุกรุ่นในงาน Motor Expo ที่จะถึงนี้ สถานการณ์น้ำท่วมบังคับให้ผมอดทนรอให้ถึงงานดังกล่าว เพราะตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้เลยน้ำที่บ้านท่วมมิดอกร่วมเดือนจนต้องอพยพกันครั้งใหญ่ทั้งคนทั้งหมา

ระหว่างนั้นผมก็พยายามหาข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับรถรุ่นต่างจากทางเว็บไซต์ คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับหนังสือหน้าของ Chevrolet มันเป็นหน้าที่คึกคักพอสมควรแต่กระทู้ส่วนมากกับเป็นเสียงตอบรับในแง่ลบจากลูกค้าและผู้สนใจ ปัญหาที่เห็นจนชินคือความล่าช้าของศูนย์บริการ อะไหล่ที่ไม่เคยพร้อม สิ่งที่ทำให้ปัญหาดูแย่ลงไปอีกคือเจ้าหน้าประจำหนังสือหน้าของ Chevrolet ที่โง่อย่างเหลือเชื่อ หากคุณถามอะไรที่นี่ก็อย่าหวังว่าจะได้คำตอบอะไรนอกไปจาก "กรุณาส่งคำถามไปที่ info@chevrolet.co.th หรือโทรถาม ๑๗๓๔" ทั้ง ๆ ที่เธอสามารถส่งต่อคำถามไปยังบุคคลหรือแผนกที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าแต่เธอก็ไม่คิดจะทำ บางทีเธออาจถามคุณว่า "ใช้รถรุ่นอะไรอยู่ หรือสนใจรถรุ่นอะไรอยู่" แต่เมื่อคุณตอบกลับมันก็จะจบแค่นั้น....ไม่มีการประสานงานหรือติดตามงานใด ๆ ทั้งสิ้น มันจะไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า "แล้วมึงจะทำหน้าหนังสือหน้า (Facebook Page) ขึ้นมาทำห่าอะไร"

ผมเริ่มเขวมากขึ้นทุกวันเพราะบริการออนไลน์อันสุดห่วยที่สะท้อนถึงความเป็นจริงของบริการหลังการขาย และของแถมมูลค่า ๕,๐๐๐ บาทที่เอาไปซื้อยางซักเส้นยังไม่ได้เลย ผมได้แต่แอบหวังว่ามันอาจจะดีขึ้นในงาน Motor Expo ที่จะมาถึงในไม่ช้า

ก่อนถึงงานไม่กี่วันพนักงานขายของ Nissan โทรมาแจ้งว่า Navara ทำ Minor Change เพื่อ หนีตาย ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เชื่อว่านี่คงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายเพราะมีข่าววงในว่า Nissan จะออกตัวใหม่กลางปี 2012 เช่นเดียวกับ Mitsubishi และ Toyota คนที่จะซื้อรถจากสามค่ายนี้ต้องยอมรับล่วงหน้าว่ารถกำลังจะตกรุ่นมิฉะนั้นอาจมีเซ็งทีหลัง ผมพยายามหาข้อมูลของรถรุ่นใหม่ของสามค่ายนี้แต่ก็ยังไม่พบอะไรมาก มีเพียงรูปรถของ Nissan และ Mitsubishi ที่เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นรถต้นแบบของกระบะตัวใหม่ ของ Nissan ดูแหวกแนวล้ำยุค ส่วน Mitsubishi ดูเหมือน Lancer Ex ซึ่งขัดตามาก อย่างไรก็ตามผมไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น

ต่อภาค ๔

Saturday, February 18, 2012

กว่าจะเป็นรถคันแรก – เรื่องยาวที่ยังไม่จบ ทุติยภาค

ตัวเลือกที่แคบลง

เช้าวันหนึ่งอาเดินออกไปขายยางแต่เช้าแล้วสักพักก็เดินจ้ำกลับมาบ้านพร้อมขับรถ 4x4 ที่ล้อแม็กยี่สิบนิ้วยังเรียกพ่อ "เอาไปลากรถรถซื้อยางเดี๋ยว พวกนี้ขนยางเป็นตันเลยไม่กล้าวิ่งทับร่องถนน สงสัยกลัวติดใต้ท้องรถ พอวิ่งบนเลนมันก็ไปไม่รอด" เสียงอาตะโกนมา


ผมจำไม่ได้ว่าอาทิตย์นั้นอาขับรถ Kubota กี่ครั้งเพื่อไปลากรถกระบะที่มาเกยตื้นในสวน แต่จำได้ว่าอาทิตย์นั้นเองที่ผมได้ข้อสรุปว่าต้องการรถตอนครึ่งยกสูงขับสี่ ด้วยเหตุนี้รถหลายรุ่นจากหลายค่ายจึงตกสเป็คไปเพราะขาดคุณสมบัติที่ต้องการ อาทิ Mitsubishi Triton (ไม่ผลิตรถตอนครึ่งที่ขับเคลื่อนสี่ล้อ), Kia และ TATA เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่แต่ละคันก็มีจุดเด่นในแบบฉบับของตน

เรื่องในกรอบ ๒ – คุณภาพคืออะไร

ทุกคนล้วนต้องการสินค้าที่มีคุณภาพในขณะที่แต่ละคนกลับให้ความหมายของคำนี้แตกต่างกัน ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะในแวดวงอุตสาหกรรมพวกเขาได้พยายามศึกษาคำว่า "คุณภาพ" กันมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วจนพอจะสรุปอย่างเรียบง่ายว่า "คุณภาพคือการตอบสนองต่อสิ่งที่ลูกค้าต้องการ" เช่นบอกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบินอาคารผู้โดยสารขาออก แต่ถ้าแท็กซี่กลับไปส่งที่อาคารผู้โดยสารขาเข้านี่ย่อมไม่ใช่การบริการที่มีคุณภาพ หรือนาย ก ติดต่อเช่ารถตู้เพื่อพาครอบครัวไปเที่ยวแต่บริษัทรถเช่ากลับนำรถสปอร์ตมาให้ ในกรณีนี้รถสปอร์ตย่อมไม่ใช่สินค้าที่มีคุณภาพแม้ว่ามันจะมีสมรรถนะหรือราคาสูงเพียงไรก็ตาม


ดังนั้นไม่ว่ารถจะมีกำลังเท่าไร หรูหราแค่ไหน ราคาขายต่อเป็นอย่างไร แต่หากว่ามันไม่มีคุณสมบัติที่เราต้องการแล้วก็ถือว่ามันไม่ใช่รถที่มี "คุณภาพ"


รถคันแรก

ผมกลับมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติมที่กรุงเทพอีกครั้ง พ่อออกปากจะถอยกระบะมือสองให้เมื่อรู้ว่าผมต้องการจะซื้อรถใหม่ ผมดีใจที่พ่ออยากจะช่วยแต่พ่อคงไม่เข้าใจว่าผมเอือมกับการใช้ของมือสองมากเพียงไร การเกิดมาเป็นน้องที่อายุไล่เลี่ยกับพี่ชายทำให้ผมใช้ของมือสองมาเกือบจะตลอดชีวิต นี่ผมก็แก่ปูนนี้แล้วยังหนีมันไม่พ้นอีกหรือ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพ่อไม่เข็ดกับรถมือสองของตัวเองที่อยู่ในสภาพขับไปซ่อมไปเลยหรือยังไง แม้ว่ามันจะมีดาวสามแฉกติดอยู่บนฝากระโปรงก็ตามแต่ถ้ามันอยู่ในสภาพแบบนี้แล้วมันดีกว่ารถญี่ปุ่นตรงไหน

Ford คือเป้าหมายถัดไปของผม เว็บไซต์ Ford.co.th บอกที่ตั้งศูนย์บริการได้ดีมากจนผมไม่รู้ว่าศูนย์สาขาสิรินธรอยู่ตรงไหนจึงแวะไปดูที่พุทธมณฑลแทน T T พนักงานขายหญิงเข้ามาต้อนรับและให้ข้อมูลเป็นอย่างดี เธอบอกผมว่า Ford กำลังจะออกกระบะรุ่นใหม่โดยวันนี้ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน "รถคันแรก" [ที่รัฐบาลจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศและเพื่อสร้างนิสัยฟุ้งเฟ้อให้กับประชนที่ยังไม่มีรถในชื่อของตนเอง] ซึ่งผู้บริโภคสามารถขอภาษีสรรพสามิตคืนได้หลังจากที่ซื้อรถไปแล้วหนึ่งปี ถึงจะมองว่านโยบายแบบนี้ทำให้คนฟุ้งเฟ้อแต่สำหรับคนที่จำเป็นจะต้องซื้อรถแล้วก็ถือว่าได้รับอานิสงส์ไม่น้อย (และผมก็จะได้มีข้ออ้างไปบอกพ่อว่าอย่าซื้อรถมือสองให้ผมเลย...)

นอกจากนั้นนี่คือโอกาสที่ดีมากสำหรับคนที่ต้องการจะซื้อรถเคยใหม่ในราคาถูกเพราะทันทีค่ายรถกำลังเปิดตัวรถรุ่นใหม่รถรุ่นที่กำลังจำหน่ายอยู่ก็จะกลายเป็นรถรุ่นเก่าไปทันที แน่นอนว่าราคามันจะตกลงพร้อมกันทั่วประเทศโดยมิได้นัดหมายซึ่งก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งยังสามารถขอภาษีคืนได้เช่นกัน ผมเกือบจะใจอ่อนถอย Ford คันที่จอดอยู่ในศูนย์แต่เมื่อผมได้รับแผ่นพับ New Ranger (T6) จากพนักงานขาย....

"เฮ้ย Ford Ranger ตัวใหม่ แม่งโคตรสวยเลย ข้างในก็หรูอย่างกับ SUV" ผมร้องด้วยสายตาอย่างไม่เก็บอาการ

แผ่นพับเป็นรูปรถรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด ๒.๒ ลิตร ที่มาพร้อมกับพละกำลัง ๑๕๐ แรงม้าซึ่งปั่นมาด้วยเทอร์โบแปรผัน เครื่องยนต์ที่เล็กกว่ายังช่วยประหยัดค่าภาษีขนส่งได้อีก ระบบขับเคลื่อนมี ๖ สปีด บนกระบะมี Roll Bar สแตนเลสที่ลาดออกมาด้านหลังค่อนข้างมากโดยมีคานขวางด้านบนเพียงอันเดียวช่วยให้ดูโปร่ง Ford ใจดีให้ล้อแม็ก ๑๗ นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐานซึ่งต่างจากค่ายอื่นที่มักจะเป็นขนาด ๑๖ นิ้ว บันไดข้างสแตนเลสรูปทรงทันสมัยเรียบหรูไม่เกะกะ การออกแบบใหม่เปลี่ยนรูปแบบของหน้ารถที่ดูแบน ๆ ยาว ๆ ให้สั้นลงและเชิดขึ้นช่วยเพิ่มปริมาตรการบรรทุกอีกทั้งยังทำให้รถดูดีขึ้นด้วย หากพิจารณาดี ๆ ลักษณะภายของโดยเฉพาะด้านข้างของ New Ranger นั้นดูละม้ายคล้ายคลึงกับ Toyota Hilux Vigo มากกว่า Ranger ตัวเก่าเสียอีก ใครว่ามีแต่ญี่ปุ่นที่ Copy and Develop เป็น แต่อย่างไรก็ตามก็คงมีน้อยคนนักที่จะปฏิเสธว่า New Ranger ดูดีที่สุดในตอนนี้

ห้องโดยสารภายในเป็นแบบทูโทนเทาเงินสลับดำ กระจกข้างพับไฟฟ้า ระบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ระบบการสั่งงานด้วยเสียง และที่น่าสนใจที่สุดคือระบบทำความเย็นเป็นแบบ Digital ซึ่งสามารถปรับอุณหภูมิห้องโดยสารซีกซ้ายและขวาได้อย่างเป็นอิสระต่อกัน....นี่มันอะไรกัน....... นอกจากนั้น New Ranger ยังมากับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP), Adaptive Load Control, ระบบควบคุมการส่ายจากการลาก (Trailer Sway Control) และที่เจ๋งไม่น้อยไปกว่านั้นคือที่ปกหลังให้ข้อมูลว่าระบบเฟืองท้ายมีให้เลือกแบบ Limited Slip Rear Differential (LSD) และ Locking Rear Differential (LRD) อีกทั้งในเว็บยังบอกด้วยว่ารถมาพร้อมกับระบบ Hill Launch Assist ถ้าแปลเป็นภาษาคนก็คือระบบกันรถไหลเมื่อออกตัวจากทางชัน ระบบ Hill Descent Control ซึ่งช่วยควบคุมความเร็วเมื่อลงจากทางชัน....นี่มันบ้าไปแล้ว.....ไม่มีค่ายไหนทำแบบนี้ได้แน่ ๆ

พนักงานขายบอกว่า Ford ปล่อยออกมาก่อนสามรุ่นเพื่อเรียกน้ำย่อย จริง ๆ แล้วเตรียมตัวไม่ทันงานรถคันแรกเลยมีปัญญาทำได้แค่นี้ ถ้าอยากจะเห็นตัวจริงสามารถไปดูได้ที่ไบเทคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เมื่อออกจากศูนย์ผมรีบบึ่งกลับบ้านเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถรุ่นนี้จากในเว็บ รูปรถในเว็บสวยมากและสามารถดูได้แบบ ๓๖๐ องศาทั้งรุ่นสี่ประตูและโอเพ่นแคบ Ford บอกว่าการออกแบบภายในที่ดูทันสมัย บึกบึน และสะดวกต่อการใช้งานนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกา Casio รุ่น G-shock (ค่ายนี้มาแปลกใช้ชื่อเสียงของนาฬิกามาโปรโมทสินค้าแทนที่จะใช้พวกดารา ศิลปิน ไม่แน่ว่าต่อไปอาจมีคนใช้น้ำหอมมาเป็น Presenter โดยอ้างว่ารถรุ่นนี้ออกแบบตามแรงบันดาลใจจากกลิ่นของน้ำหอมก็เป็นได้) อย่างไรก็ตามสำหรับแฟน G-shock พันธุ์แท้อย่างผมแล้ว... "New Ranger คือรถที่ออกแบบมาสำหรับผม (และนาฬิกาอันเป็นอาภรประจำกาย)" สโลแกนที่ว่า "การรอคอยของคนทั้งโลกสิ้นสุดลง" นั้นสงสัยจะจริง ผมจะไม่คิดอะไรให้มากมายอีกแล้ว พรุ่งนี้ผมจะไปไบเทค เพื่อเก็บข้อมูลรถมาพิจารณาเป็นครั้งสุดท้ายถ้าพอใจก็จะถอย Ford Ranger จากในงาน

One Ford?

One Ford คือนโยบายเชิงคุณภาพของรถค่ายนี้ว่ารถทุกคันจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก จะจริงหรือไม่อีกไม่กี่ก้าวผมก็จะได้พบกับมันแล้ว...The New Ranger

เมื่อเข้าไปในงานผมเดินตรงดิ่งไปยังรถฟอร์ดที่นำมาตั้งประดับงาน มันเป็นรถกระบะสี่ประตูสีขาว ผูกโบว์แดงอันสุดอุบาทว์ตามแนวคิดของงาน เห็นได้ชัดเจนว่าใหญ่กว่ารถรุ่นเก่าพอสมควร บันไดข้างของจริงดูดีมาก ๆ แต่แปลกใจว่า Roll Bar หายไปไหน ผมพยายามมองเข้าไปในตัวรถที่ล็อคอยู่แต่ทำได้ไม่ถนัดนักจึงต้องไปดูอีกคันที่ซุ้มของ Ford

รถ Ford Ranger สี่ประตูสีฟ้าจอดเด่นเป็นสง่า สี Aurora Blue สวยกว่าสีฟ้าของรุ่นเก่ามาก แต่รถคันนี้ยังคงไม่มี Roll Bar เช่นคันก่อน อีกทั้งยังแปลกใจด้วยว่าทำไม Ford ถึงเอารถมาแสดงที่ซุ้มคันเดียวทั้ง ๆ ที่เปิดให้จองแล้วสามรุ่น เมื่อก้าวเข้าไปในรถทัศนคติของผมที่มีต่อ Ford ก็เริ่มเปลี่ยนไป...

สิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นกลับกลายเป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า การตกแต่งแบบทูโทนที่บริเวณ Console แผงประตู และเครื่องปรับอากาศแบบ Digital ปรับอุณหภูมิแยกซ้ายขวา ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยเป็นเพียงสิ่งที่เห็นในแผ่นพับ ผมเดินไปขอข้อมูลจากพนักงานขายแต่ก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่ากระดาษหนึ่งแผ่นที่ให้ข้อมูลแบบหยาบ ๆ ของรถฟอร์ดสามรุ่นพร้อมราคาขาย เสป็คบางอย่างที่เป็นจุดเด่นของรถกระบะ Ford เช่น ถุงลมนิรภัยแบบม่านกลับถูกตัดออกไปราวกับว่าขับรถ Ford แล้วจะไม่มีวันถูกชน เฟืองท้าย Limited Slip และ Differential Lock ที่โม้ว่าเลือกได้สองระบบกลับไม่มีแม้แต่ในรุ่น XLT ส่วนในรุ่น Wild Track ก็มีเพียงแค่ Limited Slip เท่านั้น ซึ่งมันอนาถมากเพราะรถกระบะอย่าง TATA ก็ยังมีคุณสมบัติอันหลังนี้ ถ้าคุณคาดหวังจะได้ Spec แบบคม ๆ เช่น ขนาดกระบะ น้ำหนักบรรทุก รัศมีเลี้ยวแคบสุด อัตราทด ความจุถังน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองงานนี้ก็คงจะมาเสียเที่ยว

One Ford คงจะหมายถึงประเทศไทยเพียงประเทศเดียวที่ได้รถกระจอกกว่าเพื่อน แม้เสป็ครถ Ford Ranger ของประเทศไทยจะด้อยกว่าต่างประเทศมาก ๆ แต่ด้วยเหตุที่รถทำมาจากโครงสร้างพื้นฐานเดียวกันผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลเฉพาะทางเทคนิค เช่น ระบบกำลังส่ง มิติกระบะ น้ำหนักบรรทุก-ลากสูงสุด อัตราสิ้นเปลือง มุมประทะ มุมคร่อม มุมจาก ฯลฯ ต้องไปหาดูจากได้จากเว็บไซต์ Ford ในต่างประเทศ การปิดบังข้อมูลในลักษณะนี้ก็เป็นอีกกลยุทธ์ไม่ให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบสินค้ากับผู้ผลิตรายอื่นได้อย่างสะดวก Ford ประเทศไทยตีปี๊บดังลั่นว่า New Ranger 2.2 XLT Double Cab สามารถวิ่งได้ถึง ๑๙ กม ด้วยน้ำมันเพียง ๑ ลิตร (ด้วยความเร็วเฉลี่ย ๗๐ กม/ชม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่คนปรกติไม่ทำ) ในขณะที่ทาง Ford ออสเตรเลียระบุว่าอัตราสิ้นเปลืองของรุ่นเดียวกันที่ ๘.๑ ลิตร/๑๐๐ กม ซึ่งก็คือ ๑๒.๓๔ กม ต่อน้ำมัน ๑ ลิตร...แล้วคุณจะเชื่อใคร

จุดเด่นของ New Ranger ใช่ว่าจะไม่มีเลย เปลือก การออกแบบภายนอกดูดีมาก ๆ กระจกข้างพับไฟฟ้า เส้นขอบกระบะและขอบหน้าต่างต่อเนื่องเป็นแนวเดียวกันช่วยสร้างเอกภาพของตัวรถได้เป็นอย่างดี ฝาปิดกระบะท้ายให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งมาก ยกมือเดียวแทบไม่ขึ้น ถ้าให้ผู้ใช้ Isuzu หรือ Mitsubishi มายกก็คงจะให้ความเห็นเหมือนกับผม แน่นอนว่าส่วนหนึ่งของน้ำหนักมาจากมิติความสูงของกระบะที่มากขึ้นแต่ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่ามันมาจากความแน่นหนาของตัวรถ นอกจากนั้นความรู้สึกแน่น ๆ แบบนี้ยังรู้สึกได้เมื่อปิดประตูด้วยเช่นกัน เสียอย่างเดียวที่ร่องจับประตูด้านในทำใกล้จุดพับ (Pivot) มากจึงต้องเอื้อมขาหน้าไปไกลและออกแรงในการดึงประตูเข้ามา (ปัญหานี้กลับไม่มีใน New Mazda ที่ข้างประตูเกือบจะเหมือนกันแต่เลื่อนตำเหน่งจับบานประตูให้ใกล้เข้ามาและยังสามารถใช้เป็นที่ใส่ของเล็ก ๆ ได้อีกด้วย)

กลับมาสู่สิ่งที่กำลังเผชิญอีกครั้ง ระหว่างที่ผมกำลังช็อคอยู่กับสิ่งที่เห็น พนักงานขายก็ทำให้ผมช็อคมากกว่าเก่าเมื่อเธอพยายามยัดเยียดให้ผมจองรุ่น Open Cab ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีใครเคยเห็นรถ ไม่รู้ว่าเธอลืมไปหรือเปล่าว่ากำลังขายรถราคาเฉียดล้านไม่ได้กำลังขายหวยที่ลูกค้าไม่ต้องเห็นของ ไม่ต้องทดลองขับ นี่มันดูถูกผู้บริโภคกันมากเกินไปแล้ว Ford แสดงข้อมูลในเว็บและแผ่นพับมาอย่างแต่ของจริงกลับเป็นอีกอย่าง นี่รถก็ยังไม่นำมาแสดงแต่จะให้รีบจองแบบนี้จะให้ผู้บริโภครู้สึกอย่างไร ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยเห็นรถ เธอบอกผมว่ากระบะตัวใหม่กว้างกว่า ยาวกว่า ดีกว่าตัวเก่า แต่พอผมถามเธอว่ามันกว้างยาวเท่าไรและดีกว่าอย่างไร จนถึงป่านนี้ผมก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากเธอ

ผมพยายามมองในแง่ดีว่าบางที Ford อาจจะเตรียมตัวไม่ทันกับงานที่รัฐบาลจัดขึ้นอย่างปุบปับจึงนำรถมาแสดงเพียงคันเดียวเพียงเพื่อให้ผู้บริโภคพอจะเห็นภาพว่า New Ranger นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ทำแผ่นพับรายละเอียดรถออกมาแจก พยายามหลอกตัวเองว่าบางทีรถที่จำหน่ายจริงอาจแตกต่างไปจากนี้ ถามพนักงานขายแม่งก็ไม่รู้ห่าอะไรทางที่ดีผมจะควรเมลไปถามทาง Ford โดยตรง แต่จนถึงวันนี้ Ford ก็ไม่เคยตอบเมลฉบับนั้นของผม

หนังสือหน้า (Facebook) คือช่องทางสุดท้ายที่ผมจะสื่อสารกับรถค่ายนี้ ผมถามคำถามเดียวกันกับที่ส่งอีเมลไปโดยเลือก post ลงบนที่กระทู้เกี่ยวกับ New Ranger ที่มีคนถามตอบและมีหน้าม้ากด like เป็นจำนวนมากเพื่อกดดันให้ admin รีบมาตอบคำถามเหล่านี้

แต่ผมกลับได้รับคำตอบเพียงสั้น ๆ ว่า แผ่นพับนั้นทำมาก่อนการผลิตรถ (แล้วมึงประสานงานกันภาษาห่าอะไรวะ ไม่มีการวางแผนการผลิตหรือยังไง) และรถจริงก็จะมีเสป็คตามที่เห็นในงาน (นี่พูดเล่นใช่ไหม) ยังไงก็ขอให้ส่งคำถามไปที่ info@ford.co.th (นี่มึงไม่ได้อ่านที่กู post เลยใช่ไหม ว่ากูส่งเมลไปแล้ว)

การให้บริการบนหนังสือหน้าของ Ford ในช่วงนั้นถือว่าอับปัญญามาก มีลูกค้าท่านหนึ่งถามง่าย ๆ ว่ากระบะรุ่นใหม่นี้มีเหล็กกันโครงหรือไม่ (หนึ่งในจุดขายของ Ranger ตัวเก่าคือ "เกาะทุกโค้งกับเหล็กกันโคลงหน้า-หลัง รายแรกในเมืองไทย") ทว่าพนักงานกลับตอบอย่างมักง่ายขอไปทีว่า "สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www…….." ทั้ง ๆ ที่เขาสามารถตอบกลับเพียงสั้น ๆ สองคำว่า "ไม่มี"

จากการศึกษาข้อมูลไปเรื่อย ๆ ทำให้เข้าใจว่าข้อมูลและภาพของสินค้าที่ปรากฏอยู่บนเว็บของ Ford นั้นไม่ใช่สินค้าที่จำหน่ายในประเทศไทย เพื่อการสร้างภาพลักษณ์ที่สวยหรูและด้วยความมักง่าย ซึ่ง Ford ไม่คิดจะปรับเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวให้ตรงกับความเป็นจริง แต่กลับใช้คาถาป้องกันตัวว่า "รายละเอียดของรถอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ" ลองพิจารณาให้ดีว่ามีที่ไหนบ้างที่ใช้ภาษาไทย และถ้าเว็บ Ford ประเทศไทยไม่แสดงข้อมูลให้ตรงกับสินค้าที่จำหน่ายแล้วจะให้คนไทยไปศึกษาข้อมูลสินค้าจากที่ไหน อย่าบอกว่าให้เมลไปที่ info@ford.co.th หรือพนักงานขายเลย เพราะพวกนี้ไม่เคยตอบและไม่รู้ห่าอะไรทั้งสิ้น ยิ่งถ้าไปถามอะไรที่ facebook เจ้าหน้าที่ก็จะให้ส่งคำถามเดิมอีกรอบไปที่ info@ford.co.th แทนที่จะตอบคำถามเสียตรงนั้นหรืออย่างน้อยก็ช่วยส่งต่อไปผู้ที่สามารถตอบคำถามได้

Ford พยายามสร้างภาพให้ New Ranger เป็นรถกระบะระดับหรูดังที่เห็นได้จากสเป็ครถที่จำหน่ายในต่างประเทศ แน่นอนว่าราคาขายต้องปรับตามทำให้ Ford อาจเสียลูกค้าบางส่วน จะว่าไปมันก็เหมือนกับการเลือกคู่ที่จะมีสักกี่คนที่ไม่อยากได้คู่ครองหน้าตาดี ทว่าจะมีสักกี่คนกันที่มีคู่ครองเช่นนั้น ฉันใดก็ฉันนั้นใคร ๆ ก็ชอบกระบะหรู ๆ แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีปัญญาครอบครอง นอกจากนั้นหาก Ford ต้องการจะฉวยปลามันจากโครงการรถคันแรก New Ranger จะต้องจำหน่ายในราคาไม่เกิน ๑ ล้านบาท จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Ford จะตัดสเป็คเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งกับรถเจ้าตลาดและสามารถรับประโยชน์จากโครงการของรัฐบาลด้วย จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่รถกระบะที่ผลิตโดยแรงงาน (ราคาถูก) ชาวไทย สร้างมลพิษที่ประเทศไทย ใช้ประโยชน์จาก พรบ.ส่งเสริมการลงทุนและสิทธิอื่น ๆ อีกสารพัด รวมถึงนโยบายการค้าเสรีที่เอื้อประโยชน์ให้อุตสาหกรรมจากต่างชาติที่มาถลุงทรัพยากรไทยในขณะที่กลับทำให้เกษตรกรของเราถูกแย่งตลาดจากผลิตผลต่างประเทศ ที่น่าเศร้าไม่แพ้กันคือรถ Ford ที่คนไทยได้ใช้กลับไม่อยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกันกับที่จำหน่ายในประเทศอื่น นี่ความเนรคุณที่ Ford ทำกับตลาดรถกระบะหนึ่งตันที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันเป็นบ้านเกิดของมัน ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคนที่พร่ำเพ้อโหยหา T6 นั้นคิดอะไรกันอยู่ บางทีอาจจะเป็นพวกพนักงานที่ปั่นกระทู้กันเอง

New Ranger เป็น One Ford เพียงแต่เปลือกหาใช่ที่สมรรถนะหรือความปลอดภัยแต่อย่างใด การรอคอยของคนทั้งโลกเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่การรอคอยของผมสิ้นสุดลงแล้ว