Popular Posts

Sunday, March 26, 2006

ความคิดเมื่ออยู่เพียงลำพัง - รองเท้าของผม 2


รองเท้าคู่เล็กนั้นทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็กที่เราช่างดูอ่อนแอ บอบบาง และดูแลตัวเองไม่ได้
หลายปีก่อนยายชอบเล่นกับผมบ่อยๆ ว่า “เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ถ้ารู้ว่าโตแล้วจะเป็นแบบนี้ จะเอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เด็กแล้ว”

เรามีช่วงวัยทารกที่ยาวนานเสียเหลือเกิน กว่าจะดูแลตัวเองได้
กว่าตีนเท่าฝาหอยจะเป็นตีนที่ใหญ่อย่างยิ่ง ยาวอย่างยิ่ง
ก็ได้เคยฝากชีวิตไว้กับคนหลายคน

จึงอยากจะบอกขอบคุณทั้งคนที่ให้ชีวิต คนที่เลี้ยงดู และคนอื่นๆ อีกมากมาย
ที่ทำให้อยู่รอดมาได้จนถึงวันนี้
แม้บางครั้งอาจไม่ได้แสดงออก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราลืมสิ่งสำคัญนั้นไป

บางครั้งรู้เหนื่อยที่ต้องดูแลคนในครอบครัว
แต่พอเห็นรองเท้าแล้วก็พูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เราทำนั้นมันเทียบไม่ได้หรือกับสิ่งที่เราเคยได้รับมา
ความเหนื่อยล้าจึงหายไปชั่วขณะ

ผมไม่เข้าใจความคิดของคนที่พูดว่า จะออกไปสร้างครอบครัว
หรือ จะไปมีครอบครัวเป็นของตัวเอง
เพราะหากเขาไม่ใช่เด็กกำพร้า ที่เหลืออยู่ตัวคนเดียว
แล้วคนที่อยู่เขาอยู่ด้วย หรือกลับไปหาในวันหยุดนั้น ไม่ใช่ครอบครัวของเขาหรือไง


(บทส่งท้าย – ผมเขียนบทส่งท้ายไม่บ่อยนักในงานเขียน มันเหมือนกับการเจียรนัยที่เราจำเป็นต้องสกัดเอาส่วนสำคัญบางส่วนออกโดยไม่ควรคำนึงว่ามันมีค่าเพียงไร หินที่ไม่ถูกขัดเกลาก็หามิต่างอะไรกับก้อนกรวด แต่เราจะลืมไม่ได้ว่าสะเก็ดที่ถูกสกัดออกไปนั้นคุณค่าภายใจก็ยังอยู่เช่นเดิม และสิ่งเหล่านี้เองที่ประกอบขึ้นเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความคิดสำคัญขึ้นมา จึงรู้สึกเสียหายหากปล่อยให้มันเลือนหายไป)
จากผู้เขียน

ยากจะเชื่อว่าการไปร้านซ่อมจักรยานเมื่อช่วงปีใหม่ จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของงานชิ้นนี้
วันนั้นได้คุยกับช่างเรื่องยากจักรยานที่มักจะแตกเมื่อที่ทางไกล
พี่โพลค์ (ช่าง) บอกว่าวันไหนยางมันจะแตกก็แตก
หาชุดปะยางดีๆ เตรียมไว้ดีกว่า และแนะนำให้ใช้กาวยี่ห้อ KKK ที่หาได้ตามร้านช่างทั่วไป
ซึ่งผมก็ยังไม่ได้ซื้อเพราะหลอดเก่ายังไม่หมด
.
.
.
จนวันที่ปั่นอยู่ที่แม่ฮ่องสอน ยางผมแตกระหว่างทาง
โชคดีที่ไม่ได้แตกตอนหมาไล่ ไม่งั้นไม่กูมึงต้องได้ตายกันไปข้าง
ด้วยความรีบผมยัดยางในเส้นใหม่ใส่เข้าไปแทนที่จะปะยางเส้นนั้น

ไม่รู้ตอนไหนอาชัย สหายร่วมทางเอายางเส้นนั้นไปปะแล้วคืนให้ผมพร้อมกับกาว KKK หนึ่งกระปุก
แกบอกว่าซื้อมาเกิน ขวัญเอาเก็บไว้แล้วกัน
แล้วผมเก็บจริงๆ (เก็บจนลืม)

จนกระทั่งวันหนึ่งผมจำเป็นต้องเอารองเท้าหนังสุดรักมาใช้
แม้จะมีสภาพซอมซ่อเต็มที แผ่นยางด้านล่างแทบจะล่อนออกมาทั้งอัน พื้นรองเท้าด้านในเละยังกะโดนกุญชรสังวาส

แต่ผมถือว่าหากนิ้วหัวแม่ตีนยังไม่โผล่ออกมาแปลว่ายังใช้ได้

ผมเริ่มซ่อมมันในวันรุ่งขึ้นและแน่นอนกาวกระปุกนั้นต้องถูกนำมาทดสอบว่าแจ่มตามคำอ้างหรือไม่
จากนั้นผมจึงออกไปแรดเพื่อซื้อพื้นรองด้าวในมาใส่
อะไรๆ เหมือนจะเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังดูทะแม่งๆ หากไม่ได้ขัด
แล้วความคิดมากมายก็โฟ่ออกมาทันทีที่ผมขัดรองเท้าคู่นั้น ดังที่กล่าวไว้มันคือความคุ้นเคยที่ถูกลืม
จนผมรู้สึกแปลกใจว่าลืมความรู้สึกนี้ไปได้อย่างไร

ผมคิดย้อนไปจนถึงว่าหากวันนั้นผมไม่ได้ไปรานจักรยาน แล้วผมจะได้มานั่งขัดรองเท้าอีกหรือไม่
หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมานั้นหาใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากเหตุปัจจัยหลายอย่างส่งผลต่อๆ กันมา
เหมือนกับการมีชีวิตที่จะต้องอยู่ร่วมและพึ่งพาบุคคลต่างๆ มากมาย
เราไม่ได้เป็นแบบนี้ทันทีที่เกิดมา