Popular Posts

Thursday, December 08, 2005

ความผิดจองจำของพระ

ไม่ว่าจะเป็นสังคมไหนก็ย่อมจะต้องมีกฎระเบียบและข้อบังคับเพื่อให้สามารถปกครองคนหมู่มากได้

บทลงโทษย่อมมีเป็นของคู่กัน จะรุนแรงแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ อันได้แก่ โทษประหาร จองจำ ปรับ และการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เป็นต้น

การปกครองสงฆ์ก็เช่นเดียวกัน แต่เครื่องมือที่ใช้สำหรับการควบคุมนั้นเรียกว่า “พระวินัย”
ที่น่าสนใจยิ่งคือ บทลงโทษทางพระนั้นมีความคล้ายคลึงกับบทลงโทษแบบสากลอยู่ มากทีเดียว

ความผิดร้ายแรง : เรียกว่า ปาราชิก มีโทษประหาร

(จากความเป็นพระ) คือ จับสึก
ความรองลงมา : เรียกว่า สังฆาทิเสส มีโทษจองจำ
คือ การกักบริเวณ ซึ่งเรียกว่าอยู่กรรม
ความผิดไม่ร้ายแรง : จะต้องทำการปลงอาบัติ
คือการประจานตัวเองต่อหน้า
พระรูปอื่น จึงจะพ้นอาบัติ

ซึ่งโทษปาราชิกนั้นหลายคนทราบดีอยู่แล้วว่าเกิดจากความผิดร้ายแรง เช่น ฆ่าคน เสพเมถุน ฯลฯ
แต่คงมีเพียงไม่กี่คนที่พอจะทราบว่าโทษต้อง สังฆาทิเสส เกิดจากความผิดแบบใด

ดังนั้น จะขอยกบางตัวอย่างจากทั้งหมด ๑๓ ข้อมานำเสนอ
๑. ภิกษุแกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน ต้องสังฆาทิเสส
๒. ภิกษุมีความกำหนัดอยู่ จับต้องกายหญิง ต้องสังฆาทิเสส
๓. ภิกษุมีความกำหนัดอยู่ พูดเกี้ยวหญิง ต้องสังฆาทิเสส
๔. ภิกษุมีความกำหนัดอยู่ พูดล่อให้หญิงบำเรอตนด้วยกาม ต้องสังฆาทิเสส

.

อาบัติในลักษณะนี้ถึงแม้จะไม่หนักเท่าปาราชิก

แต่ก็เป็นสิ่งที่ภิกษุพึงระวังเป็นอย่างยิ่ง
เพราะหากต้องโทษแล้วจะต้องไปอยู่กรรมจึงจะพ้นความผิด

ซึ่งหมายความว่า ผู้กระทำผิด (ไม่ว่าจะมีตำแหน่งใดก็ตาม) จะถูกลดสถานะให้ต่ำลงกว่าพระทั่วไป คือไม่สามารถร่วมกิจกรรมกับพระได้

แต่ยังมีสถานะสูงกว่าเณร

และจะต้องไปอยู่ปฏิบัติธรรมในสถานที่ที่จัดไว้ เช่น ป่าช้าเป็นเวลาตามที่กำหนด
ซึ่งจะนานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่า ผู้นั้นรีบออกมาสารภาพผิดเร็วเพียงใด

เพระจะต้องใช้โทษตามวันที่ปกปิดให้สำเร็จก่อน
จึงจะสามารถใช้โทษตามความผิดที่กระทำ

*******************************************

พระพี่เลี้ยงจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ทันทีที่พระใหม่กลับมาถึงที่พัก
หากช้ากว่านั้นอาจเป็นเรื่อง
โบราณกล่าวว่าพระอรหันต์เท่านั้นที่มีศีลบริสุทธิ์
ดังนั้นพระจึงต้องปลงอาบัติทุกวันเพื่อเตือนสติตนเองอยู่เสมอ สำหรับความผิดที่ไม่ร้ายแรง


ส่วนอาบัติสังฆาทิเสสนั้น มีอยู่ไม่บ่อยนัก
แต่มักจะมาจากเหตุเดิมๆ คือ
พูดแฟนโทรมา หรือ โทรไปหาแฟน (กลัวหาย)

แน่นอน เพราะโทรศัพท์มือถือนั่นเอง
คนเรายังชีพได้ด้วยปัจจัย ๔
แต่ปัจจัยที่ ๕ นั้น บวชเป็นพระแล้ว ก็ยังตามรังควาญได้

*******************************************

No comments: