ความเดิมจาก EP ที่แล้ว
ผมเกษียณตัวเองออกมาทำสวนเพื่อใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย พอเพียง ในวันที่อายุยังไม่ถึง 30 โชคดีที่ครอบครัวมีที่ดินพร้อมสวนมังคุดอยู่แล้วผมจึงมารับช่วงต่อโดยมีญาติเป็นผู้ให้คำแนะนำและหุ้นส่วนในปีแรก ไม่นานนักผมก็พบว่าตัวเองติดอยู่ในกับดักของการทำเกษตรเชิงเคมีเชิงพาณิชย์ และกำลังเดินสวนทางกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เมื่อสิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยวเงินเก็บของผมแทบจะไม่เหลือ และกำลังตัดสินใจว่าจะเลิกทำสวน หรือจะทำสวนต่อตามแนวทางที่ผมเลือกเอง
**********************************
เส้นทางสู่ความพอเพียง - EP2 บนเส้นทางที่เลือกเอง - ตอนที่ 1 - จะหยุดหรือจะไปต่อ
การเก็บมังคุดสิ้นสุดลงกลางฤดูฝนปี ๒๕๕๕ ผมเริ่มงานต่อไปทันทีซึ่งก็คือการปลูกป่า (ไม้เนื้อแข็ง
กฤษณา และยางพารา) ในพื้นที่อีกประมาณ 20 ไร่ในสวน จะว่าไปตอนนั้นผมก็ยังไม่ในแน่ใจในอนาคตของผมที่นี่ ผมเองก็ยังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะจัดการสวนอย่างไรในปีหน้า ในวันที่จะต้องยืนด้วย
ลำแข้งของตัวเองเพียงลำพัง ในเวลานั้นคิดเพียงอย่างเดียวคือจะปลูกป่า ผมอยากปลูกไม้เนื้อแข็ง เช่น
พะยูง แดง มะค่า ฯลฯ ในขณะที่พ่ออยากให้ผมให้ปลูกยางพารา ส่วนญาติก็แนะนำให้ปลูกไม้ที่สามารถตัดได้โดยไม่ต้องรอเป็นสิบ ๆ ปี แซมลงไปด้วย ซึ่งก็คือกฤษณา ญาติที่เป็นนักวิชาการจึง
กฤษณา และยางพารา) ในพื้นที่อีกประมาณ 20 ไร่ในสวน จะว่าไปตอนนั้นผมก็ยังไม่ในแน่ใจในอนาคตของผมที่นี่ ผมเองก็ยังไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะจัดการสวนอย่างไรในปีหน้า ในวันที่จะต้องยืนด้วย
ลำแข้งของตัวเองเพียงลำพัง ในเวลานั้นคิดเพียงอย่างเดียวคือจะปลูกป่า ผมอยากปลูกไม้เนื้อแข็ง เช่น
พะยูง แดง มะค่า ฯลฯ ในขณะที่พ่ออยากให้ผมให้ปลูกยางพารา ส่วนญาติก็แนะนำให้ปลูกไม้ที่สามารถตัดได้โดยไม่ต้องรอเป็นสิบ ๆ ปี แซมลงไปด้วย ซึ่งก็คือกฤษณา ญาติที่เป็นนักวิชาการจึง
แนะนำให้ทำเป็นแปลงสวนผสมที่นำไม้เนื้อแข็ง ยางพารา และกฤษณามา featuring กัน โดยมีวิธีการคือ
แถวที่ ๑ ปลูกยางพาราอย่างเดียว เพื่อให้เวลากรีดไม่สับสนและไม่ต้องเดินไกล แถวที่ ๒ ปลูกไม้เนื้อแข็ง
สลับกับไม้กฤษณา โดยจะปลูกไม้เนื้อแข็ง ๑ ต้น แล้วปลูกกฤษณา ๒ ต้น แล้วก็กลับมาปลูกไม้เนื้อแข็งอีก
ครั้ง พอแถวที่ ๓ ก็กลับมาเริ่มแถวยางแล้วก็ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ แนวคิดของการปลูกแบบนี้ก็คือ จะใช้
ประโยชน์จากไม้ที่โตเร็ว (ซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน) ก่อน แล้วเก็บไม้เนื้อแข็งซึ่งโตช้ากว่าเอาไว้ใช้ท้ายสุด
กฤษณาเป็นไม้ที่โตเร็วจะถูกตัดก่อน ตอนนั้นประเมินว่าภายในปีที่ ๕ เราน่าจะสามารถนำกฤษณามาใช้
ประโยชน์ได้แล้ว ผมจะมีรายได้ก้อนแรก เมื่อกฤษณาถูกตัด ต้นยางและไม้เนื้อแข็งก็จะได้รับแสงมากขึ้น
ทำให้เติบโตได้ดีขึ้น พอถึงปีที่ ๗ ก็จะเริ่มกรีดยางได้ ผมจะมีรายได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องกังวลว่าไม้เนื้อแข็งจะ
บังแสงที่สะส่องถึงต้นยางเพราะต้นยางโตเร็วกว่า และภายในปีที่ ๓๐ ต้นยางจะหมดอายุกรีด ผมก็จะโค่น
ต้นยางออกทั้งหมด แล้วจะได้เงินก้อนจากการขายไม้ ส่วนไม้เนื้อแข็งก็จะไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
เพราะปลูกอยู่คนละแถว และสวนก็จะไม้ร้อนแล้งเพราะป่านนั้นไม่ป่าก็จะต้นใหญ่มากและเมื่อไม่มี
ต้นยาง มันก็จะสามารถแผ่กิ่งก้านออกไปได้อีก ผมเห็นด้วยตามนั้นและเตรียมปักหลักเพื่อกำหนด
ตำแหน่งการปลูกทันที
แถวที่ ๑ ปลูกยางพาราอย่างเดียว เพื่อให้เวลากรีดไม่สับสนและไม่ต้องเดินไกล แถวที่ ๒ ปลูกไม้เนื้อแข็ง
สลับกับไม้กฤษณา โดยจะปลูกไม้เนื้อแข็ง ๑ ต้น แล้วปลูกกฤษณา ๒ ต้น แล้วก็กลับมาปลูกไม้เนื้อแข็งอีก
ครั้ง พอแถวที่ ๓ ก็กลับมาเริ่มแถวยางแล้วก็ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ แนวคิดของการปลูกแบบนี้ก็คือ จะใช้
ประโยชน์จากไม้ที่โตเร็ว (ซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน) ก่อน แล้วเก็บไม้เนื้อแข็งซึ่งโตช้ากว่าเอาไว้ใช้ท้ายสุด
กฤษณาเป็นไม้ที่โตเร็วจะถูกตัดก่อน ตอนนั้นประเมินว่าภายในปีที่ ๕ เราน่าจะสามารถนำกฤษณามาใช้
ประโยชน์ได้แล้ว ผมจะมีรายได้ก้อนแรก เมื่อกฤษณาถูกตัด ต้นยางและไม้เนื้อแข็งก็จะได้รับแสงมากขึ้น
ทำให้เติบโตได้ดีขึ้น พอถึงปีที่ ๗ ก็จะเริ่มกรีดยางได้ ผมจะมีรายได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องกังวลว่าไม้เนื้อแข็งจะ
บังแสงที่สะส่องถึงต้นยางเพราะต้นยางโตเร็วกว่า และภายในปีที่ ๓๐ ต้นยางจะหมดอายุกรีด ผมก็จะโค่น
ต้นยางออกทั้งหมด แล้วจะได้เงินก้อนจากการขายไม้ ส่วนไม้เนื้อแข็งก็จะไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
เพราะปลูกอยู่คนละแถว และสวนก็จะไม้ร้อนแล้งเพราะป่านนั้นไม่ป่าก็จะต้นใหญ่มากและเมื่อไม่มี
ต้นยาง มันก็จะสามารถแผ่กิ่งก้านออกไปได้อีก ผมเห็นด้วยตามนั้นและเตรียมปักหลักเพื่อกำหนด
ตำแหน่งการปลูกทันที
(ด้วยความเป็น Perfectionism ตัวพ่อ หลักไม้ของผมตรงมากถึงมากที่สุด ผมพอใจมากจนต้องไป
เอากล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้)
เอากล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้)
แต่ผมต้องทำสิ่งหนึ่งที่ขัดกับความรู้สึกของผมมากที่สุดซึ่งก็คือการฉีดยาฆ่าหญ้า ญาติแนะนำวิธีการกำจัดวัชพืชที่ถือว่ามีความซับซ้อนอยู่พอตัว ก่อนอื่นแกบอกให้ผมเอารถแทรกเตอร์ตัดหญ้าทั้งแปลง
เพื่อให้สามารถทำงานได้สะดวกและทำให้วัชพืชอ่อนแอลง หลังจากนั้นแกก็จะให้คนมาพ่นยาฆ่าหญ้า
ตามสมมุติฐานที่ว่าการพ่นยาตอนที่หญ้าแทงยอดขึ้นมาเพื่อทดแทนส่วนที่ถูกตัดออกไปจะทำให้มันตาย
ง่ายที่สุดเพราะเหลือพลังงานสะสมอยู่น้อย (แต่หลังจากนั้นไม่นานนักหญ้าแม่งก็ขึ้นท่วมแปลงอยู่ดี)
เพื่อให้สามารถทำงานได้สะดวกและทำให้วัชพืชอ่อนแอลง หลังจากนั้นแกก็จะให้คนมาพ่นยาฆ่าหญ้า
ตามสมมุติฐานที่ว่าการพ่นยาตอนที่หญ้าแทงยอดขึ้นมาเพื่อทดแทนส่วนที่ถูกตัดออกไปจะทำให้มันตาย
ง่ายที่สุดเพราะเหลือพลังงานสะสมอยู่น้อย (แต่หลังจากนั้นไม่นานนักหญ้าแม่งก็ขึ้นท่วมแปลงอยู่ดี)
ระหว่างรอให้หญ้าแทงยอดใหม่ ผมเริ่มลงมือปักหลักไม้ไผ้ที่เคยเหลาไว้หลายเดือนก่อน โดยในวันเสาร์
อาทิตย์แฟนผมก็จะมาช่วยซึ่งทำให้งานของผมเสร็จเร็วกว่าการทำคนเดียวมาก
อาทิตย์แฟนผมก็จะมาช่วยซึ่งทำให้งานของผมเสร็จเร็วกว่าการทำคนเดียวมาก
เมื่อถึงกำหนดฉีดยาฆ่าหญ้าคนงานก็เบี้ยวอีกเช่นเคย ซึ่งนั่นหมายความว่าผมจะต้องทำงานที่เกลียด
ที่สุดด้วยมือตัวเอง…
ที่สุดด้วยมือตัวเอง…
สารเคมีสีเขียวถูกเทลงถ้วยตวงก่อนถูกเทลงถัง ผมกรอกน้ำจนเต็มแล้วเดินพ่นไปตามแถวที่จะปลูกต้นไม้
ผมรู้สึกอึดอัดกับงานนี้มากโดยเฉพาะเวลาที่ต้องพ่นยาลงไปทำลายพืชพรรณที่อยู่บนแผ่นดินของเราด้วย
บนผืนดินไม่ได้มีเพียงหญ้าที่คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการ แต่มันยังมีสมุนไพร ดอกไม้ พื้ชตระกูลถั่ว และอย่าง
อื่อีกมากมายที่ให้ประโยชน์ต่อ คน พืช และสัตว์ ทำไมเราต้องเบียดเบียนระบบนิเวศเพียงเพื่อปลูกพืชไม่
กี่ชนืที่เราต้องการ ในวันนั้นผมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการอธิษฐานว่านี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่
ผมจะยอมให้มีการยาฆ่าหญ้าบนที่ดินผืนนี้
[สามปีหลังจากนั้นองค์การอนามัยโลกได้ระบุว่าไกลโพเซต เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งในมนุษย์]
****************************************************************************
https://www.researchgate.net/publication/313903332_The_ecological_significance_of_secondary_seed_dispersal_by_carnivores
แนวทางการเตรียมกล้าไม้
- ง่ายสุดคือไปซื้อกล้าไม้ความสูงประมาณเอวตามร้าน ตัวเลือกจะมีมากแต่ราคาจะสูงกว่าเพื่อน
- ถ้าจะให้ถูกกว่านั้นก็ไปซื้อกล้าขนาดเล็ก แล้วมาใส่ถุงเพาะชำใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ผสมดินให้ดี
ดูแลซัก 2 - 3 เดือนต้นกล้าก็จะพร้อมปลูก งานนี้ควรทำตอนต้นปีเพื่อให้ต้นกล้าโตพร้อมปลูกทันหน้าฝน
(ต้นมะฮอกกานีที่ถูกย้ายลงถุงชำขนาดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการนำไปปลูก)
(ต้นกล้าจะเคียนขนาดเล็กที่ถูกย้ายลงถุงเพาะชำใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการนำไปปลูก)
- เพาะเมล็ด!!! บางทีก็มีแจกกันฟรีในกลุ่ม หรือ ถ้าโชคดีก็เก็บจากต้นมาเพาะได้เลย ไม่ได้พูดเล่น ๆ
กล้าจำนวนไม่น้อยของผมมาจากวิธีนี้
(ต้นกฤษณาที่เพิ่งงอกออกจากเมล็ด)
(ผู้เขียนขณะกำลังคัดกล้าพะยูงที่ได้มา)
(กล้าพะยูงในเรือนกระจกที่ทำแบบง่าย ๆ)
(รากปมของกล้าพะยูงพี่นำออกจากถุงชำ)
- ขุดเอา! อยากได้กล้าอะไรก็เดินไปหาแล้วขุดเอาที่รอบโคนต้นนั้น เมื่อขุดมาแล้วไม่ควรนำไปปลูกทันทีควรนำเพาะไว้ในถุงเพื่อให้รากฟื้นตัวก่อน
(ต้นกล้ามะค่าแต้ที่ขุดมาจากป่าปลูกในสวน)
(ต้นกล้ากฤษณาที่มีอยู่อย่างมากมายบริเวณโคนต้นกฤษณา แต่ถ้ามีการฉีดยาฆ่าหญ้าเราก็จะไม่มีทรัพยากรนี้)
เพราะเหตุใดเมล็ดพืชบางชนิดแช่น้ำแล้วก็ยังไม่งอก
พืชบางชนิดต้องอาศัยสัตว์ในการขยายพันธุ์ หลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าสัตว์ เช่น แมลงมีความจำเป็นในการผสมเกสร แต่ประโยชน์ของสัตว์ในการขยายพันธุ์ของพืชไม่ได้มีเพียงแต่นั้น พืชบางชนิดจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการย่อยของสัตว์ในการกระตุ้นการงอกของเมล็ดด้วย เพื่อให้สามารถกระจายสายพันธุ์ออกไปได้ไกลขึ้น พืชจึงพัฒนาการให้ผลของมันมีรสชาติที่สามารถดึงดูดสัตว์ให้มากิน เมื่อสัตว์กินแล้วก็จะไปขับถ่ายที่อื่นเพราะกระบวนการย่อยใช่เวลา กระบวนการนี้้เองที่เป็นตัวกระตุ้นการงอกให้กับเมล็ด นอกนั้นยังให้มูลมาเป็นของแถมอีกด้วย
คนจึงจำลองกระบวนการนี้ขึ้นมาด้วยการนำเมล็ดพืชมาแช่ในน้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นการงอกก่อนนำไปปลูก
****************************************************************************
เนื่องจากกล้าไม้มีจำนวนเยอะมาก และผมต้องรีบปลูกให้เสร็จภายในกลางฤดูฝน ผมจึงจ้างคนมาช่วย
ปลูกต้นยาง ส่วนผมจะปลูกต้นกฤษณาและไม่เนื้อแข็ง ผมรู้สึกมีความสุขมากเมื่อได้จับจอบขุดดิน
การปลูกต้นไม้ได้ช่วยเตือนสติว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร และช่วยให้ผมรู้สึกว่าเรากำลังทำสิ่งที่เป็นประโยชน์
ต่อโลกใบนี้แม้จะรู้ดีว่าผมอาจไม่มีชีวิตอยู่จนถึงวันที่จะได้ใช้ไม้ที่ตัวเองปลูก สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็น
ระหว่างการขุดดินก็คือไส้เดือนในเกือบจะทุกหลุมที่ผมขุดลงไป ข่าวร้ายคือไส้เดือนที่เจอส่วนมาก
จะอยู่สภาพตัวขาดเพราะถูกจอบสับ ผมรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้างเพราะแม้แต่การทำสิ่งที่คิดว่าดีต่อโลก
และสิ่งแวดล้อมที่สุดก็ยังส่งผลกระทบกับเพื่อนร่วมโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
นอกจากจะตั้งจิตบอกแม่ธรณีว่าก่อนเริ่มทำงานว่าขอให้การปลูกป่าในครั้งนี้เบียดเบียนโลกน้อยที่สุด
หากมองในแง่ดีบางทีไส้เดือนพวกนี้อาจกำลังสื่อสารให้ผมเห็นกระบวนการในดิน เราไม่จะเป็นจะต้อง
เลี้ยงไส้เดือนหรือหาปุ๋ยอะไรมาใส่ให้ยุ่งยากเลย เพียงแค่เราไม่ไปรบกวนกระบวนการทางธรรมชาติจน
เกินไปนักสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็พร้อมจะทำหน้าที่ดูแลผืนดินอยู่แล้ว
เลี้ยงไส้เดือนหรือหาปุ๋ยอะไรมาใส่ให้ยุ่งยากเลย เพียงแค่เราไม่ไปรบกวนกระบวนการทางธรรมชาติจน
เกินไปนักสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็พร้อมจะทำหน้าที่ดูแลผืนดินอยู่แล้ว
พวกเราใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ก็ปลูกต้นไม้เสร็จทั้งหมด มหกรรมการขุดดินอย่างต่อเนื่องทำให้ภาพ
ดินติดตาผมแม้ยามนอนหลับ แฟนผมที่มาช่วยก็เป็นเช่นกัน
ดินติดตาผมแม้ยามนอนหลับ แฟนผมที่มาช่วยก็เป็นเช่นกัน
*******************************************
เมื่อปลูกป่าเสร็จผมพอจะมีเวลามาทบทวนบทเรียนรอบปีที่ผ่านมา ดังที่ได้เคยกล่าวไว้ในตอนที่แล้วว่า
ผมได้กำไรจากการทำสวนมังคุดประมาณสามหมื่นเศษ ๆ แล้วตอนนี้ผมได้ใช้เงินทั้งหมดนั้นไปกับการ
ปลูกป่า!!! เงินเก็บของผมในตอนนี้มีน้อยกว่าตอนที่ผมเริ่มทำสวนใหม่ ๆ ซึ่งมันก็น้อยอยู่แล้ว
ผมได้กำไรจากการทำสวนมังคุดประมาณสามหมื่นเศษ ๆ แล้วตอนนี้ผมได้ใช้เงินทั้งหมดนั้นไปกับการ
ปลูกป่า!!! เงินเก็บของผมในตอนนี้มีน้อยกว่าตอนที่ผมเริ่มทำสวนใหม่ ๆ ซึ่งมันก็น้อยอยู่แล้ว
บัญชีรายจ่าย
|
ฤดูกาล
|
2555 - 2556
| |||
วันที่
|
รายการ
|
หมวด
|
จำนวน
|
ราคาต่อหน่วย
|
จำนวนเงิน
|
1 พ.ค. 55
|
กล้ากฤษณา
|
ไม้ป่า
|
2
|
15
|
30
|
1 พ.ค. 55
|
กล้ายาง 251
|
ไม้ป่า
|
235
|
30
|
7,050
|
1 พ.ค. 55
|
กล้ากฤษณา
|
ไม้ป่า
|
450
|
6
|
2,700
|
1 พ.ค. 55
|
กล้ายาง 235
|
ไม้ป่า
|
400
|
30
|
12,000
|
1 พ.ค. 55
|
กล้ายาง 251
|
ไม้ป่า
|
100
|
25
|
2,500
|
1 มิ.ย. 55
|
ค่าจ้างปลูกยาง
|
ไม้ป่า
|
720
|
5
|
3,600
|
1 มิ.ย. 55
|
น้ำมันดีเซล
|
ไม้ป่า
|
1
|
500
|
500
|
1 มิ.ย. 55
|
ดินฟอสเฟต 0-3-0
|
ไม้ป่า
|
2
|
150
|
300
|
1 มิ.ย. 55
|
ค่าจ้างปลูกกฤษณา (2 คน 2 วัน)
|
ไม้ป่า
|
4
|
200
|
800
|
1 มิ.ย. 55
|
กล้าไม้ป่า
|
ไม้ป่า
|
1
|
800
|
800
|
1 มิ.ย. 55
|
เชือกฟาง
|
ไม้ป่า
|
1
|
40
|
40
|
9 พ.ย. 55
|
น้ำมันเบนซิน
|
ไม้ป่า
|
1
|
300
|
300
|
9 พ.ย. 55
|
น้ำมันดีเซล
|
ไม้ป่า
|
1
|
500
|
500
|
18 พ.ย. 55
|
ค่าแรงทำโคนไม่ป่า (2 คน 2 วัน)
|
ไม้ป่า
|
2
|
800
|
1,600
|
15 ก.พ. 56
|
ไผ่ยักษ์
|
ไม้ป่า
|
1
|
500
|
500
|
15 ก.พ. 56
|
กันเกรา
|
ไม้ป่า
|
5
|
20
|
100
|
15 ก.พ. 56
|
พญาไม้
|
ไม้ป่า
|
5
|
20
|
100
|
8 ก.ค. 56
|
กล้ายาง ฉะเชิงเทรา 50
|
ไม้ป่า
|
90
|
25
|
2,250
|
ผมทบทวนกิจกรรมในสวนในรอบปีที่ผ่านมาแล้วนั่งวิเคราะห์รายรับรายจ่ายที่ผมบันทึกไว้ใน Excel
ค่าใช้จ่ายหลักมีอยู่สามอย่างคือ ค่าปุ๋ย-ยา ค่าแรงคนงาน และค่าน้ำมัน สิ่งที่น่าตกใจก็ คือ ค่าใช้จ่าย
ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีเกษตรนั้นมันมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ ๕๖ ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นเงิน
๔๗,๒๑๑ บาท ค่าใช้จ่ายรองลงมาคือค่าแรงคนเก็บมังคุดซึ่งมากถึง ๒๔,๙๔๔ บาท คิดเป็นร้อยละ ๒๙
ของค่าใช้จ่าย ตัวเลขนี้ก็น่าสนใจเช่นกันเพราะในฤดูการนี้เจ้าของสวน (ผม + ญาติ ที่ร่วมลงทุนในปีแรก)
ได้กำไรประมาณ ๖๕,๐๐๐ บาท จากการทำงาน ๑ ปี + ๗ ปีแรกที่ยังไม่มีผลผลิต ในขณะที่ครอบครัวคน
เก็บมังคุดได้ ๒๔,๖๔๔ บาท จากการทำงานประมาณสองเดือนเศษ ค่าใช้จ่ายอันดับสามคือค่าน้ำมัน
และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสูบน้ำ (น้ำมันเครื่อง ไส้กรอง สายพาน) ปีนี้นับว่าผมโชคดีที่มีฝนตก
ในหน้าแล้งมากผิดปรกติทำให้ค่าใช้จ่ายในปีนี้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นในฤดูการถัดไปค่าใช้จ่ายในส่วน
นี้จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี เพราะไฟฟ้าที่เข้ามาที่สวนเป็นแค่ไฟเฟส
เดียวผมจึงไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เป็นระบบไฟฟ้าได้
ค่าใช้จ่ายหลักมีอยู่สามอย่างคือ ค่าปุ๋ย-ยา ค่าแรงคนงาน และค่าน้ำมัน สิ่งที่น่าตกใจก็ คือ ค่าใช้จ่าย
ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีเกษตรนั้นมันมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ ๕๖ ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นเงิน
๔๗,๒๑๑ บาท ค่าใช้จ่ายรองลงมาคือค่าแรงคนเก็บมังคุดซึ่งมากถึง ๒๔,๙๔๔ บาท คิดเป็นร้อยละ ๒๙
ของค่าใช้จ่าย ตัวเลขนี้ก็น่าสนใจเช่นกันเพราะในฤดูการนี้เจ้าของสวน (ผม + ญาติ ที่ร่วมลงทุนในปีแรก)
ได้กำไรประมาณ ๖๕,๐๐๐ บาท จากการทำงาน ๑ ปี + ๗ ปีแรกที่ยังไม่มีผลผลิต ในขณะที่ครอบครัวคน
เก็บมังคุดได้ ๒๔,๖๔๔ บาท จากการทำงานประมาณสองเดือนเศษ ค่าใช้จ่ายอันดับสามคือค่าน้ำมัน
และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสูบน้ำ (น้ำมันเครื่อง ไส้กรอง สายพาน) ปีนี้นับว่าผมโชคดีที่มีฝนตก
ในหน้าแล้งมากผิดปรกติทำให้ค่าใช้จ่ายในปีนี้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นในฤดูการถัดไปค่าใช้จ่ายในส่วน
นี้จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี เพราะไฟฟ้าที่เข้ามาที่สวนเป็นแค่ไฟเฟส
เดียวผมจึงไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เป็นระบบไฟฟ้าได้
ในขณะที่รายรับนั้นก็เป็นอีกปัญหาสำคัญเช่นกัน เพราะในการขายผลผลิตการเกษตรผู้ซื้อคือผู้กำหนด
ราคา และราคารับซื้อก็จะเปลี่ยนแปลงทุกวันไปตามปริมาณผลผลิต พอถึงช่วงที่เก็บเกี่ยวได้มากราคา
ก็จะถูกกระทืบลงทันที (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ EP1 -
การซื้อเหมา การคัด และการผูกขาดทางการค้า – กลไกอุบาทว์ที่ผู้บริโภคไม่เคยรับรู้)
ราคา และราคารับซื้อก็จะเปลี่ยนแปลงทุกวันไปตามปริมาณผลผลิต พอถึงช่วงที่เก็บเกี่ยวได้มากราคา
ก็จะถูกกระทืบลงทันที (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ EP1 -
การซื้อเหมา การคัด และการผูกขาดทางการค้า – กลไกอุบาทว์ที่ผู้บริโภคไม่เคยรับรู้)
การวิเคราะบัญชีรายรับรายจ่ายช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าสาเหตุสำคัญของความล้มเหลวใน
ระบบอาหารนั้นมาจากการทำเกษตรเชิงเคมีเชิงพาณิชย์ และกลไกการตลาดอันบิดเบี้ยวที่ผู้รับซื้อมี
อำนาจในการกำหนดราคาตามอำเภอใจ หากมองไปถึงสาเหตุที่ลึกกว่านั้น สาเหตุหลักของความล้ม
เหลวนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อนไปกว่าความโลภ ความมักง่าย และความเห็นแก่ตัวที่มาจากทั้งฝั่งเกษตรกร
และผู้ประกอบการ
ระบบอาหารนั้นมาจากการทำเกษตรเชิงเคมีเชิงพาณิชย์ และกลไกการตลาดอันบิดเบี้ยวที่ผู้รับซื้อมี
อำนาจในการกำหนดราคาตามอำเภอใจ หากมองไปถึงสาเหตุที่ลึกกว่านั้น สาเหตุหลักของความล้ม
เหลวนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อนไปกว่าความโลภ ความมักง่าย และความเห็นแก่ตัวที่มาจากทั้งฝั่งเกษตรกร
และผู้ประกอบการ
แม้ว่าเงินทุนของผมในตอนนั้นจะเหลือน้อยเต็มที แต่ตอนนี้ผมพอจะรู้แล้วว่าปัญหาของผมคืออะไร
ถ้าผมทำเกษตรอินทรีย์ ต้นทุนค่าปุ๋ย ค่ายา โง่ ๆ นั่นอันเป็นค่าใช้จ่ายหลักก็จะหายไปทันที แต่ปัญหาคือ
หากผลผลิตของผมไม่สวยตรงตามความต้องการของผู้รับซื้อ แล้วผมจะได้ขายได้ราคาเท่าไร ผมจะเอา
ผลผลิตอินทรีย์ของผมไปขายที่ไหนได้ และใครจะกินมังคุดหน้าตาขี้เหร่ ๆ ….
ถ้าผมทำเกษตรอินทรีย์ ต้นทุนค่าปุ๋ย ค่ายา โง่ ๆ นั่นอันเป็นค่าใช้จ่ายหลักก็จะหายไปทันที แต่ปัญหาคือ
หากผลผลิตของผมไม่สวยตรงตามความต้องการของผู้รับซื้อ แล้วผมจะได้ขายได้ราคาเท่าไร ผมจะเอา
ผลผลิตอินทรีย์ของผมไปขายที่ไหนได้ และใครจะกินมังคุดหน้าตาขี้เหร่ ๆ ….
.
.
.
ผมไม่ทราบคำตอบนั้น และผมก็คิดว่าเกษตรกรจำนวนไม่น้อยก็ไม่ทราบคำตอบนั้นเช่นกัน
.
.
.
แต่ถ้าผมมัวแต่คิดโดยไม่ลงมือทำ ชาติหน้าผมก็คงยังจะไม่ได้คำตอบ
ผมเลือกที่จะสู้ต่อแม้ว่าฤดูการที่แล้วผมล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่มันคือความล้มเหลวบนหนทางที่ผมไม่ได้
เลือก ปีนี้ผมจะต่อสู้ตามแนวทางที่ผมเชื่อ ตามแนวทางของในหลวง ตามแนวทางการเกษตรอินทรีย์
แม้ว่าผจะมีเงินทุนเหลืออยู่น้อยเต็มที แต่ผมจะสู้ตามกำลังทรัพย์และกำลังกายที่ผมมี ผมได้ยินมามากว่า
เกษตรพอเพียงทำไม่ได้จริง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นเช่นไรจนกว่าจะได้ลงมือปฎิบัติด้วยตนเอง
เลือก ปีนี้ผมจะต่อสู้ตามแนวทางที่ผมเชื่อ ตามแนวทางของในหลวง ตามแนวทางการเกษตรอินทรีย์
แม้ว่าผจะมีเงินทุนเหลืออยู่น้อยเต็มที แต่ผมจะสู้ตามกำลังทรัพย์และกำลังกายที่ผมมี ผมได้ยินมามากว่า
เกษตรพอเพียงทำไม่ได้จริง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นเช่นไรจนกว่าจะได้ลงมือปฎิบัติด้วยตนเอง
"มันไม่มีทางที่จะเชี่ยไปกว่านี้ได้หรอน่า" ผมให้กำลังใจตัวเอง ถ้าปีนี้ไม่รอดผมคงกลับบ้าน แต่หากผมผ่าน
ปีนี้ไปได้ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ในหลวงสอนนั้ ทำได้จริง และใคร ๆ ก็ทำได้แม้ว่าจะมีหรือไม่มีเงิน
มากมายก็ตาม
ปีนี้ไปได้ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ในหลวงสอนนั้ ทำได้จริง และใคร ๆ ก็ทำได้แม้ว่าจะมีหรือไม่มีเงิน
มากมายก็ตาม
**************************************
โปรดติดตามต่อตอนที่ 2
โปรดติดตามต่อตอนที่ 2