การซื้อเหมา การคัด
และการผูกขาดทางการค้า – กลไกอุบาทว์ที่ผู้บริโภคไม่เคยรับรู้ (ต่อจากตอนที่แล้ว)
ราคามังคุดแต่ละเกรดแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
คนรับซื้อมักชูมังคุด “มันใหญ่/มันร้อย” ว่าเป็นมังคุดคุณภาพและให้ราคาสูงเพื่อล่อใจให้เกษตรกรนำผลผลิตมากขาย
แต่เมื่อถึงเวลาคัดจริงมังคุดส่วนมากมักจะถูกคัดไปอยู่ในเกรดตกไซส์ (หรือ ตกไซร้
ตามที่ผู้รับซื้อเขียนในใบเสร็จ)
ตลกร้ายที่ชาวสวนขำไม่ออกคือมังคุดที่มีราคานอกจากจะต้องมีขนาดใหญ่และไร้ตำหนิโดยสิ้นเชิงแล้วมังคุดจะต้องอยู่ระยะสายเลือดในวินาทีที่ถูกคัด
(เปลือกมังคุดยังคงเป็นสีเขียว แต่พอจะเห็นจุดแดง ๆ ปรากฏอยู่บ้าง)
บ่อยครั้งที่มังคุดถูกเก็บในระยะสายเลือดแต่กว่าจะถูกคัดก็แทบจะข้ามคืนไปแล้วดังนั้นเปลือกจึงมีสีเข้มขึ้นทำให้ถูกจัดเป็นมังคุดเกรดที่ต่ำลงมา
ในเวลาเพียงวันเดียวเปลือกมังคุดยังเปลี่ยนสีได้แน่นอนว่ากว่ามังคุดจะส่งออกไปถึงต่างประเทศสีของเปลือกย่อมจะกลายเป็นสีเดียวกันหมดซึ่งก็คือสีม่วงเข้มเกือบดำ
ผมเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า “แล้วพวกมึงจะคัดไปทำเหี้ยอะไรกันนักหนา?”
นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ
เพราะบางทีคำตอบนั้นมันอาจจะยากที่จะทำใจรับได้
คำถามต่อมา
“เพราะเหตุในมังคุดส่งออกจึงจำเป็นต้องมีขนาดใหญ่มากและไร้ตำหนิโดยสิ้นเชิง
ทั้ง ๆ ที่มังคุดที่ได้รับความนิยมในบ้านเราคือมังคุดขนาดค่อนข้างเล็ก” จุดเด่นของมังคุดลูกเล็กคือไม่ต้องคายเมล็ดเวลากินและไม่ค่อยพบอาการเนื้อแก้ว
มังคุดหากปลูกตามธรรมชาติโดยไม่ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงก็จะไม่ได้มีคุณลักษณะตามที่ผู้ซื้อกำหนด
แต่เพราเหตุใดเราจึงต้องฝืนธรรมชาติผลิตมังคุดขนาดใหญ่ไร้ตำหนิแทนที่จะส่งออกมังคุดลูกกลางและลูกเล็กซึ่งเป็นผลผลิตส่วนใหญ่และเป็นที่นิยมในบ้านเรา
ทำไมเราการคุณสมบัติของผลไม้จึงเอื้อประโยชน์กับบริษัทเคมีเกษตรถึงเพียงนี้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcwpyPztRzgnnSbmZlmwqTFyKvisFh53FwKDx6YUiaQGL-GSKGsQULyTPJe4-i0j_g7UpWL0Sb19c6c_Xj66rc35imefrJ7wVr0l3RogB-lL1CIP_pDYV8OA_E0nznQpOa3LtZ/s1600/2555-04-06+13-58-46+-+IMG_0014+(2).JPG)
นอกจากการคัดเกรดตามกฎเกณฑ์ที่ไม่แน่นอนแล้ว
(บางวันก็ ๕ เกรด บางบันก็ ๗ - ๘ เกรด แล้วแต่สถานที่รับซื้อ)
ผู้รับซื้อยังเป็นคนกำหนดราคาและยังกำหนดแบบวันต่อวันด้วย
ชาวสวนจะไม่รู้ราคารับซื้อล่วงหน้าจนกว่าจะไปถึงจุดรับซื้อ
วันไหนที่ผลผลิตมากพวกนี้จะกระทืบราคาอย่างไม่เกรงใจฟ้าดิน
ชาวสวนอาจดีใจในวันที่พวกเขาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มาก
แต่เมื่อไปเห็นราคาที่จุดรับซื้อพวกเขาคงจะไม่รู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป จริงอยู่ที่ล้งรับซื้อและสหกรณ์มีอยู่เป็นจำนวนมากแต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกชาวสวนนึกจะไปขายไหนก็ไปได้
ดังที่ได้อธิบายไปในภาคก่อนแล้วว่าคนกลางจะรับซื้อจากเกษตรกรที่ส่งผลผลิตไปให้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นฤดู
เพราะฉะนั้นเกษตรกรจึงไม่มีทางเลือกและต้องขายผลิตทั้ง ๆ ที่ราคารับซื้อต่ำมาก คนกลางจึงกลายเป็นผู้กอบโกยผลประโยชน์จากผลผลิตที่ตัวเองไม่ได้ปลูก
การผูกขาดในรูปแบบนี้ทำให้คนกลางสนุกกับการกำหนดเงือนไขการรับซื้อทั้งราคาและรูปลักษณ์
แล้วชาวสวนจะอยู่ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาจะต้องซื้อปัจจัยการผลิตจากภายนอกอาทิ
ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า และยาฆ่าแมลงในราคาที่สูง พร้อมกันกับจะต้องแบกค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้นทุกวัน
เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ ค่าน้ำมัน แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตั้งราคาผลผลิตที่ออกเพียงปีละครั้งจากการทำงานหนักตลอดทั้งปี
ราคามังคุดตามลักษณะการคัด
วันที่
|
มันร้อย
|
มันเล็ก
|
มันลาย
|
มันจิ๋ว
|
ตกไซส์
|
ดอกดำ
|
02-Apr
|
70
|
|
50
|
|
27
|
|
06-Apr
|
65
|
|
50
|
|
25
|
|
10-Apr
|
60
|
45
|
35
|
|
25
|
|
13-Apr
|
63
|
45
|
45
|
|
25
|
|
16-Apr
|
57
|
|
43
|
|
23
|
|
19-Apr
|
67
|
52
|
37
|
37
|
24
|
|
21-Apr
|
80
|
|
60
|
40
|
28
|
|
23-Apr
|
80
|
|
60
|
40
|
28
|
|
25-Apr
|
75
|
|
50
|
35
|
28
|
|
25-Apr
|
65
|
|
50
|
35
|
25
|
|
28-Apr
|
60
|
45
|
37
|
35
|
20
|
|
30-Apr
|
50
|
|
35
|
28
|
23
|
|
02-May
|
36
|
|
27
|
23
|
20
|
10
|
06-May
|
28
|
|
20
|
17
|
14
|
7
|
08-May
|
34
|
|
27
|
20
|
15
|
8
|
10-May
|
40
|
|
30
|
25
|
17
|
10
|
12-May
|
43
|
|
33
|
28
|
18
|
8
|
14-May
|
50
|
|
40
|
30
|
20
|
10
|
18-May
|
60
|
|
45
|
35
|
28
|
14
|
20-May
|
60
|
|
45
|
35
|
28
|
12
|
21-May
|
60
|
|
45
|
35
|
28
|
12
|
22-May
|
60
|
|
45
|
35
|
28
|
12
|
|
“แม่งไม่ต่างอะไรกับเกษตรพันธสัญญาเลย”
มดมังคุดโพล่งขึ้นมาอย่างเดือดดาล
“มีเหี้ยยิ่งกว่านั้นอีก”
ผมตอบอย่างราบเรียบก่อนขยายความต่อ
หากเกษตรกรไม่อยากจะขายผลผลิตให้กับล้งผลไม้
ทางเลือกไม่ได้อีกอย่างก็คือขายให้กับคนรับซื้อตามถนนใหญ่ คนพวกนี้มักจอดรถกระบะไว้ข้างทางแล้วนำผลไม้มาแขวนไว้เป็นสัญลักษณ์
ในการซื้อขายคนพวกนี้จะกดราคาราวกับว่าไม่เห็นเกษตรเป็นคน เมื่อเลือกผลผลิตคนพวกนี้ก็จะเอานิ้วเขี่ย
ๆ ดูเป็นพิธีก่อนจะรับซื้อที่ราคากิโลละ ๕ บาท (ห้าบาทถ้วน) เมื่อหักค่าเก็บเกี่ยวกิโลกรัมละ ๔
บาทออกแล้วชาวจะได้ส่วนแบ่ง ๑ บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตามบางครั้งเกษตรกรก็ขายให้คนพวกนี้เพราะไม่อยากเสียเวลารอการคัดมังคุดที่ล้ง
หรือ บางทีล้งก็ปิดทำการไปแล้วในช่วงปลายฤดู
พอมังคุดท่วมหลังคารถคนรับซื้อเร่ก็จะขนผลผลิตไปส่งตลาดไทหรือไปขายปลีกในเมืองหากรถไม่ตกข้างทางหรือยางระเบิดไปเสียก่อน
พวกนี้จะเร่ขายในระคากิโลกรัมละ ๒๐ – ๓๐ กว่าบาท (๓ – ๕ โลร้อย)
ซึ่งสำหรับเกษตรกรแล้วนี่เป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนจริง แต่ที่คนพวกนี้สามารถขายได้ในราคาที่ต่ำมากเนื่องจากพวกเขาทำงานเพียงแค่วันเดียว
การขนแต่ละเที่ยวพวกเขาจะได้ส่วนแบ่ง ๑๕ – ๒๕ บาท/กิโลกรัม ในขณะที่เจ้าของสวนที่ต้องทำงานถึงหนึ่งปีกลับได้ส่วนแบ่งเพียง
๑ บาท/กิโลกรัม* จะมีผู้บริโภคซักกี่คนที่จะรู้ว่าผลไม้ที่กินกันนั้นมีราคาถูกกว่าต้นทุนการผลิตจริง
และคนที่แบกต้นทุนให้ชาวเมืองได้กินผลไม้กันอย่างมีความสุขนั้นก็คือเกษตรกรจน ๆ นั่นเอง
[*จริง ๆ แล้วชาวสวนทำงานนานกว่านั้นเพราะกว่ามังคุดจะให้ผลเกษตรจะต้องดูแลอย่างน้อย
๗ ปี ซึ่งในช่วงเวลานี้พวกเขาจะต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ตัดหญ้า
โดยที่ไม่ได้รับผลตอบแทนในเชิงพาณิชย์เลย]
ผมเริ่มตั้งคำถามกับคำพูดของญาติที่ว่า
“ปีก่อนสวนเราได้กำไรจากมังคุดประมาณสองแสนบาท” ผมเข้าใจเช่นนั้นมาตลอด
แต่จากยอดการขายในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาผมว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้และผมก็เดาไม่ถูกว่าจะเก็บมังคุดไปขายได้อีกนานเพียงใด
แต่ที่แน่ ๆ คือปริมาณผลผลิตต่อวันลดลงเรื่อย ๆ กำไรที่ผมได้ยินกรอกหูอยู่เกือบทุกวันปรากฏชัดมากขึ้นทุกทีในโลกแห่งความฝัน ญาติบอกว่าต้องทำใจซึ่งผมฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดพอสมควร เพราะเมื่อปีก่อนแกโวยวายใหญ่โตหาว่าผมรดน้ำน้อยไป
มังคุดจะแกร็น ก้นจีบ ขายไม่ได้ราคา
ผลผลิตของผมดูสมบูรณ์มาก
แต่พอคนกลางกระทืบราคารับซื้อและคัดมังคุดเราเป็นตกไซร้เสียส่วนใหญ่
ผมก็ไม่เห็นว่าแกจะโวยวายอะไรสักคำแต่กลับบอกให้ผมทำใจ แล้วเราจะใส่ปุ่ยพ่นยาไปเพื่ออะไร?
ช่วงหลังผมคิดเรื่องกำขาดทุนมากขึ้นเรื่อย
ๆ และคำนวณรายรับรายจ่ายทุกวัน ผมลงทุนไปมากและเริ่มใช้เงินเป็นตัววัดความสำเร็จของทุกสิ่งที่ทำ
บางทีผมอาจจะฟังอะไรมากไปจนลืมฉลียวใจบ้างว่าผมมาทำอะไรที่นี่
แม้ว่าผลผลิตในช่วงท้ายจะสูงกว่าในช่วงแรกแต่ด้วยกลไกการคัดมังคุดก็ทำให้รายรับที่ได้ไม่สอดคล้องกับปริมาณผลผลิต
ผมพอจะเห็นปลายเหวทางอยู่ลาง ๆ
ความอัดอั้นจากกลไกอุบาทว์ทำให้ผมหาช่องทางการขายอื่น
ๆ แต่นั่นไม่ง่ายเลย เพราะหากผมขนมังคุดไปขายเองในเมืองผมก็ต้องไปเจอการตัดราคาจากพวกรถเร่
ผมไม่สามารถขายผลผลิตในราคาเดียวกันกับพวกนี้ได้เพราะต้นทุนของผมสูงกว่าพวกเขามาก
หนำซ้ำผมจะต้องควบคุมการเก็บเกี่ยวผลผลิตทุกวันแล้วผมจะเอาเวลาที่ไหนออกไปขายไกล ๆ
หากผมขายในราคาสูงกว่าก็อย่าได้หวังว่าจะมีคนซื้อ
นอกจากนั้นมังคุดของผมในตอนนั้นก็ฉาบด้วยยาพิษเช่นเดียวกันกับที่ขายอยู่ทั่วไปแล้วผมจะขายมันในราคาสูงกว่านั้นได้อย่างไร
ผมจึงต้องหาความแตกต่างให้กับผลผลิตของผมแต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าใดนัก
หากเป็นผลไม้อื่นผมอาจใช้ความแตกต่างทางสายพันธุ์เป็นจุดขายได้ เช่น ทุเรียนซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์อาทิเช่น หมอนทอง
พวงมณี กระดุม ฯลฯ แต่มังคุดไม่ได้เช่นนั้นเพราะมันไม่ได้มีความแตกต่างที่ชัดเจน**
[**มังคุดมีดอกสมบูรณ์เพศและจะผสมพันธุ์ในดอกเดียวกันดังนั้นจึงเข้าใจกันว่ามังคุดมีสายพันธุ์เดียว
อย่างไรก็ตามมีงานวิจัยของต่างประเทศที่ระบุว่าสามารถจำแนกมังคุดได้ ๑๖ ลักษณะจาก
๘๓๐ ตัวอย่าง อีกทั้งจากประสบการณ์ตรงของผมเองก็พบว่ามังคุดแม้จะปลูกพร้อมกันและได้รับการดูแลที่เหมือนกัน
บางต้นจะให้ผลที่มีเปลือกบางและมีรสหวานมากทุกลูกในขณะที่บางต้นจะให้ลูกใหญ่ที่มีเปลือกหนา]
ในเมื่อผมไม่สามารถใช้ความปลอดภัย
หรือ สายพันธุ์มาเป็นจุดขายได้ ผมจึงเลือกระยะการเก็บเกี่ยวมาเป็นจุดแข็งของผลผลิต
เพราะเห็นว่ามังคุดที่ขายกันอยู่ทั่วไปนั้นเป็นมังคุดอ่อนที่มาแก่ปลายทาง แน่นอนว่ารสชาติย่อมสู้มังคุดที่สุกคาต้นไม่ได้
แต่ชาวสวนก็นิยมเก็บแต่มังคุดระยะนี้ออกมาจำหน่ายเพื่อให้มีอายุการขายที่นาน ๆ
ตามความต้องการของคนกลางและร้านค้าปลีก ด้วยความที่คนพวกนี้เห็นเรื่องเงินสำคัญกว่าคุณภาพ ดังนั้นผลผลิตมังคุดในตลาดจึงไม่ดีเท่าที่ควร
ความสุกของมังคุด
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ได้แบ่งระดับความสุกของมังคุดไว้เป็น ๗ ระดับดังนี้ :
-
ระดับสีที่ ๐ : ผลมีสีขาวอมเหลืองสม่ำเสมอ
มียางในเปลือกมาก เนื้อและเปลือกยังไม่แยกออกจากกัน ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้แม้จะสามารถเปลี่ยนมาเป็นสีม่วงเข้มเกือบดำแต่รสชาติจะไม่ดี
-
ระดับสีที่ ๑ : ผลมีสีเหลืองอ่อนอมเขียว มีจุดสีชมพูกระจายอยู่ในบางส่วนของผล
ยางในเปลือกยังคงมีมาก ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้แม้จะสามารถเปลี่ยนมาเป็นสีม่วงเข้มเกือบดำแต่รสชาติจะไม่ดี
-
ระดับสีที่ ๒ : ผลมีสีเหลืองอ่อนอมชมพู มีจุดสีชมพูกระจายไปทั่วผล
เป็นระยะอ่อนที่สุดสำหรับการเก็บเกี่ยว
-
ระดับสีที่ ๓ : ผลสีชมพูสม่ำเสมอ จุดประสีชมพูขยายเข้ามารวมกันไม่แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
ยางในเปลือก เริ่มจะแยกเนื้อออกจากเปลือกได้
-
ระดับสีที่ ๔ : ผลสีแดงหรือน้ำตาลอมแดง บางส่วนอาจมีสีม่วง
ยางในเปลือกมีน้อยหรือไม่มีเลย เนื้อและเปลือกแยกตัวออกจากกัน
เป็นระยะที่เกือบจะรับประทานได้
-
ระดับสีที่ ๕ : ผลสีม่วงอมแดง ภายในเปลือกไม่มียางเหลืออยู่
เนื้อและเปลือกแยกออกจากกันได้ง่าย สามารถรับประทานได้
-
ระดับสีที่ ๖ : ผลสีม่วงเข้มจนถึงสีดำ ภายในเปลือกไม่มียางเหลืออยู่
เนื้อและเปลือกแยกออกจากกันได้ง่าย สามารถรับประทานได้
ในหนังสือคุยเฟื่องเรื่องมังคุดระบุว่ามังคุดที่เหมาะสมกับการการส่งออกคือมังคุดที่ถูกเก็บเกี่ยวในระยะสายเลือด
หรืออยู่ในระดับสีที่ ๒ แต่ในการรับซื้อจริงคนกลางต้องการมังคุดในระดับสีที่ ๑
มากกว่า
ความทุกข์ที่มาจากความไม่สุก
เมื่อเทียบกับมังคุดสุกที่มีสีแดงเข้มหรือดำ
“มังคุดสายเลือด” จะสอยยากกว่ามากเพราะมันดูคล้ายกับมังคุดดิบเป็นอย่างยิ่ง
หากมองย้อนแสงหรือสอยในเวลาเย็นโอกาสที่ได้สอบผิดได้ลูกดิบก็จะมีมาก เมื่อนำไปขายคนกลางก็จะตีกลับ
ทำให้เจ้าของสวนเสียผลผลิตและค่าเก็บไปเปล่าๆ บางสวนที่เขี้ยว ๆ
หน่อยก็จะหักเงินค่าเก็บมังคุดดิบจากคนงาน แต่เจ้าของสวนก็ยังคงขาดทุนเพราะค่าเก็บย่อมถูกกว่าราคามังคุด ในแต่ละปีจึงมีการสูญเสียในลักษณะนี้เป็นจำนวนมากซึ่งเกษตรกรจะเป็นผู้แบกรับภาระนี้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjTyEpoe4t1XAmmJUsteZPJxXaVSWUpDX0oXKoE-GO9waxr361EL8NE3MsIagHz0bxUo_9MZd9EZPXCzXnN2_74qMexychNCztVXu6AFoIX-MEYIwOCybRC7F7Z8qiGKyetngRh/s1600/--------------.jpg) |
มังคุดระยะ 0 ที่อาจถูกสอยลงเพราะดูคล้ายมังคุดสายเลือด |
|
เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาดคือมังคุดอ่อนที่มาสุกปลายทาง
ผมจึงคิดจะนำมังคุดที่สุกคาต้นมาเป็นจุดขายของตัวเอง ผมสร้างเพจ “ขวัญ – มังคุด” ขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะโดยใช้
Description
ว่า “ความสุกเพื่อความสุข” จุดแข็งของมังคุดที่นี่คือความสุกที่มากกว่าเนื่องจากเราจะส่งมังคุดจากสวนตรงไปยังผู้ซื้อโดยไม่ผ่านคนกลาง
ด้วยกระบวนการที่สั้นลงผมจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอายุการวางจำหน่ายทำให้สามารถเก็บมังคุดสุกคาต้นมาขายได้
อย่างไรก็ตามปัญหาในตอนนั้นคือค่าส่ง EMS ซึ่งแม้ว่าผลไม้จะได้ราคาพิเศษแล้วแต่ก็ยังจัดว่าสูงมากงานนี้จึงล่มตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
*************************************
ผลผลิตมังคุดขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมและลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว
ในช่วงปลายเดือนคนงานที่ล้งถามทุกวันว่ามังคุดยังเก็บได้อีกนานไหม
ผมก็ตอบไปตามจริงว่าน่าจะได้จนถึงกลางเดือนมิถุนายนเพราะสวนผมออกช้ากว่าเพื่อน แม้ว่าผลผลิตในตลาดจะลดลงไปมากแต่ราคารับซื้อกลับไม่กระเตื้องขึ้นมาซักเท่าไร
หนำซ้ำผมก็กังขากับการระบบการคัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ว่าทำไมมังคุดของผมจึงตกไปอยู่ในเกรดล่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ทั้ง ๆ
ที่มีลักษณะภายนอกค่อนข้างดี
จู่
ๆ ล้งแห่งนี้ประกาศหยุดรับซื้อเสียเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่ผมยังสามารถเก็บมังคุดได้อีกหลายอาทิตย์
“เราจะรับซื้อจนถึงลูกสุดท้ายค่ะ”
มือขวาของเจ๊เคยพูดกับผมไว้แบบนั้น
.
.
.
ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสหกรณ์ซึ่งผมไม่ได้ไปขายมาพักใหญ่
ๆ โชคดีที่ผลผลิตในตลาดมีน้อยพวกนั้นจึงรับซื้อมังคุดผม ข้อดีการเอาผลผลิตมาขายที่อื่นก็คือผมจะได้เปรียบเทียบสัดส่วนมังคุดแต่ละเกรดเมื่อถูกคัดแล้วเพราะในช่วงนั้นผมรู้สึกตะหงิด
ๆ กับการคัดของล้งเจ๊คนนี้เป็นอย่างยิ่ง แล้วคำตอบที่ได้ก็คือที่สหกรณ์ผมขายได้ราคาเป็นสองเท่าทั้ง
ๆ ที่ปริมาณผลผลิตและราคารับซื้อก็ใกล้เคียงกัน
ที่มูลค่าผลผลิตแตกต่างกันถึงเพียงนั้นเพราะล้งเจ๊นั่นคัดมังคุดผมเป็นตกไซร์เสียส่วนใหญ่ในขณะที่สัดส่วนของมังคุดตกไซร้เมื่อไปขายที่สหกรณ์มีน้อยกว่านั้นมาก
“ควายมานานเลยกู...นอกจากจะหักหลังหยุดรับซื้อเอาดื้อ
ๆ แล้ว แม่งยังคัดมังคุดดี ๆ เป็นเกรดล่างหมด...” ผมสบถอยู่ในใจ
*************************************
หลังจากนั้นไม่นานสหกรณ์ก็ปิดเช่นเดียวกัน
งานเก็บเกี่ยวจึงต้องยุติลงโดยบริยายในเดือนมิถุนายน
ผมรีบทำบัญชีให้เสร็จแล้วนำส่วนแบ่งให้ญาติครึ่งหนึ่ง กำไรเบื้องต้นในปีนี้อยู่ที่ ๖๐,๐๐๐
กว่าบาท ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงสักนิดกับ ๒๐๐,๐๐๐ อย่างที่ผมได้ยินมาตลอดทั้ง ๆ
ที่ผมใส่ปุ่ยและพ่นยาพิษเพื่อให้ลูกสวยตามคำแนะนำ
เมื่อหักส่วนแบ่งของญาติออกไปรายได้ของผมในปีนี้ก็จะเท่ากับ ๓๐,๐๐๐ กว่าบาท
มันน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำถึง ๓ เท่า คิดง่าย ๆ ว่าผมได้ค่าแรงวันละไม่ถึง ๑๐๐ บาท
“ผลไม้มันจะออกดกปีเว้นปี”
เสียงหนึ่งพูดอย่างราบเรียบในวันที่ผมนำเงินส่วนแบ่งไปให้ ผมพูดอะไรไม่ออก ในใจของผมมีแต่คำถามว่าทำไมไม่มีใครเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้ง สิ่งเดียวที่ได้ยินคือปีนี้ผลผลิตก็น่าจะมากกว่าปีก่อน และถ้าพ่นยาเพื่อทำมังคุดผิวมันก็น่าจะได้กำไรมากขึ้น
แต่ความเป็นจริงที่ผมกำลังเผชิญอยู่นั้นมันช่างแตกต่างราวกับมังคุดกับทุเรียน...
จบ EP1 โปรดติดตามต่อใน EP2 "บนเส้นทางที่เลือกเอง"
|